Monday, July 1, 2019

Rebirth of the Wolfish Silkpants Bottom Ch-14





ชูเฮิงกลืนน้ำลายเอื๊อก เขารู้สึกแปลก ๆ เมื่อเห็นเด็กน้อยพยายามลุกขึ้น และเขาไม่รู้ว่าเขารู้สึกทำอะไรไม่ถูกหรือลนลานอยู่ พอเขาตั้งสติได้อีกครั้ง เขาก็อ้าปากกินองุ่น

องุ่นซึ่งเป็นหนึ่งในผลไม้ที่ชูเฮิงไม่ชอบ แต่วันนี้เขารู้สึกว่าองุ่นนี้มีรสชาติหวานเป็นพิเศษโดยมีรสติดปากอยู่ เขาก้มศีรษะลงและมองดูเด็กตัวน้อยกำลังกินเพลิน

มือเล็ก ๆ นุ่มๆก็เด็ดองุ่นขึ้นมา แล้วอ้าปากน้อยๆของเขากว้างดูดองุ่น ดวงตาของเขาปรืออย่างเพลินอารมณ์ ใบหน้าบ่งความพึงพอใจราวลูกแมวน้อยจอมขี้คร้าน

รู้สึกแปลกแปร่งอีกแล้ว ทำไมเด็กคนนี้ไม่ป้อนเขาต่อ?

ชูเฮิงรู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูก และดูเหมือนเขาจะไม่สบอารมณ์ ซู่หนิงที่ก้มหน้าลงเล่นเกมมือถือไม่ได้สังเกต……

หลังจากนั้นไม่นาน ซูหนิงก็ชักง่วงนอน เขาบิดขึ้เกียจจนเปิดเห็นพุงขาวราวหิมะของเขา  ชูเฮิงเบือนสายตาไปทันที ด้วยคิ้วของเขามุ่นนิดๆและเสียงของเขาลึกต่ำ เขากล่าวว่า: "ไปแปรงฟันไป"

อา?

ชูหนิงกระพริบตาอันเป็นส่วนดูดีที่สุดในร่างกายเขาจากนั้นขนตาเขาก็ไหว:โอเค!

เขารู้สึกขี้เกียจมาก แต่ถ้าเขายังอยากไต่ขึ้นเตียงของพี่ชายที่กลัวเชื้อโรคจัดแล้ว เขาก็จะต้องขยัน! ซู่หนิงหาวหวอดๆ และเมื่อเขาเดินกลับไปที่ห้องตัวเอง เขาก็มองกลับไปที่พี่ชายของเขาหลายครั้ง ตัวพิงกับผนังเขานวดเอวด้วยมือเล็ก ๆ โซฟายาวในทำงานของพี่ใหญ่แข็งเกินไป ถ้าเขานั่งนานเกินไปก้นของเขาจะเริ่มเหน็บกิน

เขาแปรงฟันและล้างหน้า แล้วจากนั้นซู่หนิงก็เปลี่ยนเสื้อผ้า เขากอดหมอนของเขาและเดินเข้าไปในห้องพี่ชายเขา แต่ชูเฮิงไม่ได้อยู่ที่นั่น?

เป็นครั้งแรกที่ ซูหนิงเช็คสภาพรอบๆของเขาอย่างถ้วนทั่วและรอบคอบ ห้องนั้นเป็นเปี่ยมไปด้วยความมืด ราวกับเป็นธรรมชาติที่เย็นชาและไร้อารมณ์ของคนอาศัย ใครเป็นคนออกแบบห้องนี้ให้ซูเฮิง มันเป็นเพราะใครจงใจหรือเป็นความคิดของซู่เฮิง โดยปรกติพื้นที่ของเด็กน้อยออกจะมีชีวิตชีวาหรืออบอุ่นมากกว่า ซึ่งเทียบแล้วนี่ก็แตกต่างไปจากบุคลิกเรียบง่ายของซูเฮิง

ทำไมพี่ใหญ่ถึงยังไม่กลับมา?

ซู่หนิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกลับไปที่ห้องทำงานอีกครั้ง แต่ทันทีที่เขาเปิดประตูเขารู้สึกว่าไม่น่าเลย เพราะชูเฮิงกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ เขาหันกลับมามองเมื่อได้ยินเสียง และดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหด ซึ่งรู้สึกหนาวเหน็บถึงกระดูกราวกับว่าเขาอยากเอาชีวิตของซู่หนิงในหลังจากนั้น เขาไม่กล้าสบตากับพี่ชายตั้งแต่ชาติก่อนแล้ว ไม่ว่าเขาเองจะเกลียดเขามากแค่ไหน หายใจแรงยามอยู่ต่อหน้าหน้าเขายังไม่กล้าเลย

ขอโทษซู่หนิงไม่รู้ว่าทำไมแต่เขาอยากร้องไห้ เขาปิดประตูแล้วซอยเท้าวิ่งกลับไปที่ห้องตัวเองแล้วก็ล็อคประตู ดูจะมีปฏิกิริยารุนแรงเกินไป พี่ใหญ่จะเกลียดเขาไหมนี่ ถ้าเกิดจริงขึ้นมานั่นก็คงจะแย่แล้ว แต่ซูหนิงนึกอะไรไม่ออก เมื่อมีสิ่งใดเข้าไปฝังจิตฝังใจคุณต้องอาศัยเวลาปรับตัวช้าๆ

คิดถึงน้าจริงๆ!

ตอนนี้ดึกเกินไปแล้วเขาจึงไม่อาจโทรศัพท์ได้ แล้วก็เห็นได้ชัดว่าเขามีพ่อแม่อยู่แม้ไม่อบอุ่น  ตอนนี้เพียงคนเดียวที่เขาพึ่งได้คือคนที่เขาเกลียดที่สุดในชีวิตที่ผ่านมา

ฉันเป็นคนล้มเหลวหรือเปล่า

ชูหนิงหงุดหงิดไปเป็นสิบนาที แต่บางทีถ้าเขายอมให้ตัวเองต้องทนทุกข์แค่สิบนาทีแล้วฟื้นพลังขึ้นมา บางทีอะไรๆจะดีขึ้นในวันพรุ่งนี้

ไม่ว่าเขาจะประสบความสำเร็จในการเกาะติดเขาหรือไม่ก็ตาม ซูหนิง ยังเป็นซูหนิง อาศัยความได้เปรียบของความทรงจำในชีวิตก่อน ด้วยการคาดการณ์ล่วงหน้าเขายังสามารถกลายเป็นเศรษฐีพันล้าน เอาไว้เมื่อเขาโตขึ้น ย่อมโผบินได้อิสระเหมือนนกข้ามท้องฟ้า

ชูเฮิงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับซูหนิง แต่เมื่อเด็กน้อยวิ่งหนีออกไป สายตาของเขาดูเสียขวัญราวกับว่าเขาทำผิดพลาด นั่นทำให้เขามีสติขึ้นมาบ้าง

ตอนแรกเขาตั้งใจจะอ่านหนังสือให้จบ แต่เนื่องจากเขารู้สึกไม่สบายใจ ให้แล้วๆกันไปท่าจะดีกว่า

ไม่มีใครอยู่ในห้องเขา ไม่ใช่ว่าเด็กคนนั้นกลัวเหรอ? คิ้วของซู่เฮิงขมวดเข้า เขาไปที่ห้องถัดไปแล้วหมุนลูกบิดประตู มันถูกล็อค  ชูเฮิงที่ยังนิ่วหน้านิดๆ รู้สึกออกจะข้องใจ ดังนั้นเขาจึงไปหากุญแจมาเปิดประตู ข้างในมันเงียบเด็กน้อยกำลังนอนหลับอยู่ในซอกระหว่างเตียงกับผนังที่แคบมาก และที่ด้านล่างมีหมอนวางเป็นตั้งคลุมด้วยผ้าห่ม แม้แต่หัวของเขาก็ไม่โผล่ออกมา

เขาไม่รู้ว่าทำไม แต่ในอกของเขารู้สึกแน่นราวกับว่าเขาหายใจไม่ออก

ชูเฮิงหยิบหมอนขึ้นมาโยนออกไป จากนั้นค่อยๆยกผ้าห่มขึ้นและอุ้มตัวน้อยไปที่เตียงนุ่ม เขานอนลงอีกด้านหนึ่งและคลุมทั้งสองด้วยผ้าห่ม

เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับการเลี้ยงดูอย่างเอาใจใส่ ทำไมเขาถึงผอมเหลือเกิน ไม่มีเนื้อไม่มีหนังอ้วนขึ้นเลย เขาไล้มือเขาบนหลังของเขา และแตะใบหน้าเล็ก ๆ นั้น  ชูเฮิงก็ง่วงด้วยเช่นกัน แต่ก่อนที่เขาจะหลับเขาก็สังเกตเห็นว่าร่างกายน้องชายของเขาหอม และผมของเขาก็นุ่มมาก แม้แต่ลมหายใจของเขาก็อุ่น……




ใคร ๆ ก็คงนึกออกว่า ซูหนิงตกใจแค่ไหนในเช้าวันรุ่งขึ้น

ฉันถูกผีหลอก

ทำไมฉันจึงร่วมหมอนกับพี่ชายฉัน ขนาดว่าหัวของพวกเขาชิดกันจนผมพันกัน ดูไม่ออกว่าของใครเป็นของใคร

ใบหน้าที่หลับของซู่เฮิงดูสงบนักราวกับเจ้าชาย เขามีขนตายาวและความหล่อเหลาของเขาก็ไม่มีใครเทียบได้……สายตาของเขามัวหม่นเมื่อเขาลืมตา ออกจะเยิ้มฉ่ำ และหลังจากเวลาล่วงเลย ก็กลับมาคมชัดลึกอย่างช้าๆ

อ่า……ไม่น่ารักเลย

"คิดอะไรอยู่?"

อ๋า?” ซู่หนิงกระพริบตาขนตาของเขาจรดใบหน้าพี่ชายของเขา: อรุณสวัสดิ์!

ระคายคอเขาจึงกระแอมออกมา ชูเฮิงลุกขึ้น:เธอกลับไปได้แล้ว แปรงฟันแล้วล้างหน้าด้วย

"ตกลง!"

ซู่หนิงยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว โชคดีที่ในวันนี้พวกเขาแขนขาไม่พันกัน ถ้าไม่เช่นนั้นมันน่าอายเกินไป หลังจากวิ่งไปไม่กี่ก้าว ซูหนิงก็ทำเสียงเอ๋และรู้ว่าห้องนี้ดูคุ้นๆ มันเป็นห้องเขา! ฮ่าฮ่าฮ่า ดังนั้นถึงคราวที่ซู่เฮิงพลาด? ฉันต้องแซวเขา ฉันจะเสียใจไปตลอดชีวิตที่เหลือถ้าฉันไม่ได้เห็นเขาทำหน้าอายๆออกมา ตราบใดที่เขาไม่ใส่ใจที่จะเปิดเผยตัวเองนั่นก็จะเป็นการดี

ก่อนที่ซู่หนิงจะหันกลับมาหยอกล้อ ซู่เฮิงเดินก้าวยาวๆผ่านเขาไปอย่างเยือกเย็น และออกไปโดยไม่ได้เหลียวมามอง

ยี้ !!!

โอกาสเดียวที่ฉันมีในชีวิตนี้ก็หลุดลอยไปแบบนั้นเหรอ? น้ำตาของซู่หนิงไหลพรากเป็นสาย ใจสลาย

เมื่อฉินหยูโจวเตรียมอาหารอย่างมีความสุข ซู่เฉิงก็ออกไปแล้ว ก่อนอื่นเขาไม่สามารถทนเห็นภรรยาของเขายุ่งทั้งกลางวันและกลางคืนเป็นเวลานาน เขาคิดว่าพวกเขาควรฉลองในความฝันของเขา แน่นอนว่าเขาไม่คิดจะยอมแพ้ เขาต้องกล่อมพวกเขา! เวลากำลังกดดันเขา เขาคิดหาแผนง่อยๆอะไรไม่ออก ตอนนี้เขาได้แต่ปกปิดมัน และประการที่สองคือการต่อสู้ข้ามคืนโต้รุ่งของทีมเขา แผนใหม่กำลังดำเนินการอยู่ ทุกวินาทีมีความหมาย ซูเฉิงไม่ต้องการให้ความคิดของเขาถูกครอบงำจากเรื่องส่วนตัวผัวเมีย

ชูหนิงไปชั้นล่างกับชูเฮิง คนหนึ่งตามมาด้านหน้าโดยตั้งใจ ในขณะที่คนที่อยู่ด้านหลังนั้นบังเอิญ

ฉินหยูโจัวอารมณ์ไม่ดีนัก เธอคิดมากเรื่องที่ชูเฉิงออกไปไม่บอกกล่าว มีอะไรที่ออฟฟิศหรือเปล่า? เธออยากรู้ขึ้นมา แต่เธอเข้าใจว่าเธอไม่สามารถตรวจสอบเข้าให้เข้มงวดนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ใช่กับผู้ชายแกร่ง

ฉินหยูจู่หมดความอยากในตอนกินอาหารและรู้สึกคลื่นไส้เป็นบางครั้ง เมื่อเห็นว่าซูหนิงกำลังรับประทานอาหารอย่างแช่มชื่นด้วยท่วงท่าที่สงบและสง่างามของเขา ในที่สุดเธอก็คลายอารมณ์ลง:ลูกไปเยี่ยมคุณปู่บ้างหรือเปล่า

อืมมซู่หนิงมองไปที่ฉินหยูโจวเขาเห็นว่าเธอกินไม่ได้มาก:แม่ควรกินมากกว่านี้คุณต้อง ~ คุณต้องคลอดน้องชายที่แข็งแรง!

ฉินหยูโจวรู้สึกเบิกบานใจทันทีและยิ้มอย่างสง่างาม แต่มีความสุข:เอาล่ะแม่จะเชื่อฟังลูก

ชูเฮิงนั่งโซฟาด้านข้าง อ่านหนังสือพิมพ์เขาดื่มนมแล้วออกไป

ฉินหยูโจวมองดูในขณะที่คนรับใช้หยิบจานขึ้นแล้วออกไป ก็เลิกคิ้วขึ้นใส่ซูหนิง ทันที: "สองคนอยู่บนชั้นเดียวกัน เขาทำให้ลูกลำบากใจไหม?"

เปล่า.”

เขาคุยกับลูกบ่อยหรือเปล่า

เปล่า

แม่บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าควรพูดคุยกับเขามากขึ้นฉินหยูโจวแวบมองเขาอย่าวผิดหวังสุดๆราวกับว่ากินของผิด: "ลืมมันไปเลย ถึงลูกจะไม่บอกแม่ก็ตาม แม่รู้ว่าเขาไม่อยู่ร่วมกับลูกอย่างสงบง่ายๆหรอก อีกสองวันแม่จะว่าง แม่จะพาลูกออกไปเดินเล่น ตาแก่……คุณปู่ชอบลูกมาก ๆ ถ้าลูกว่างไปให้ท่านเห็นหน้าสักนิด ถ้าเขาอารมณ์ดีเขาอาจจะลงชื่อลูกในผังตระกูล "

"ตกลง."

ถ้าไม่ใช่เปล่ามันก็แค่ตกลงมันน่าเอือมระอา และถ้าพูดกันตรงๆเขาก็ดูเป็นคนทึ่มทื่อ เขาฟังรู้เรื่องบ้างหรือเปล่าว่าฉันกำลังพูดอะไรอยู่? ฉินหยูโจวปวดหัวขึ้นมานิดๆ แต่โชคดีที่เขายังมีประโยชน์ ถ้าไม่งั้น เธอคงขี้เกียจเกินจะคุยกับเขาดีๆ หมดความอยากอาหาร ฉินหยูจัวลุกขึ้นเพื่อกลับไปที่ห้องตัวเอง และสิบนาทีหลังจากนั้นเธอออกมาพร้อมกระเป๋าเงินขับรถสปอร์ตออกไปทำงาน

ก่อนออกไป ชูหนิงกินอาหารเสริมแคลเซียมของเขาหลังอาหาร จากนั้นออกไปกับรถ

วันนี้มีการสอบทดสอบ ซูหนิงไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้กับใครในบ้าน และวิ่งออกไปทันทีที่เขาสอบเสร็จ ในตอนบ่ายเขาเกือบจะสำลักขนมปังที่เขากินในรถบัสระหว่างเมือง

น้าของเขากำลังรออยู่ด้านนอกไซท์ก่อสร้าง วนไปวนมาและโล่งใจเมื่อเห็นว่าซู่หนิงปลอดภัยและเรียบร้อยดี: "ฉันคิดว่าพี่สามดูแลเธอไม่ดีและเธอกลับมาเพราะเธอทนไม่ไหว จนฉันกลัวแทบตาย

แน่นอนว่า ซูหนิง ต้องการที่จะวิ่ง แต่เขายังไม่โตเต็มที่ ไปไหนมาไหนก็ลำบาก:น้า ผมอยู่ได้ แต่ผมคิดถึงน้ามาก เลยแวะมาหา อย่าบอกใครนะ แม่ไม่ชอบให้ผมสนิทกับน้ามากไป”

ฉันเข้าใจ ฉันทำเขาขายหน้า

ดีที่รู้ตัว แต่ว่าใครทำให้ใครขายหน้านั้นก็ยังไม่แน่นอน น้าเป็นคนซื่อสัตย์และรอบคอบ เขาไม่ใช่คนที่สามารถไปรับไม้รับมือกับคนร้ายลึก ชูหนิงไม่สนใจว่าเขาเปรอะเปื้อนอยู่และกอดน้าไว้รอบเอว และเขายิ้มอย่างสุขใจบนใบหน้าเล็ก ๆ ของเขา:น้าผมดีที่สุด เขาจะรวยด้วยมือของเขาเอง เขาเก่งที่สุด!

นี่ ไม่ใช่มีแต่เธอเหรอที่ชอบน้า กลับไปเร็วๆ อย่าให้ที่บ้านเป็นห่วง

ป้าใหญ่กับป้ารองมาบ้างไหมซู่หนิงแวะมาแต่ก็ไม่ใช่มาโดยไม่มีเรื่อง เขากลัวว่าพี่สาวสองคนของน้าเขาจะจ้องจับตาดูเขา!

ในชาติก่อน ผู้หญิงสองคนนี้เป็นเหมือนสัตว์กระหายเลือดสูบเลือดสูบเนื้อน้องชายเขาจนแห้ง และรีดผลประโยชน์ทั้งหมดที่พวกเขาเอาได้จากเขา แม้แต่กระดูกก็จะไม่ทิ้ง ชูหนิงจดจำสิ่งนี้ได้จากชีวิตในอดีตของเขา หลังจากนั้นเขาก็ไม่เคยสนใจ ฉินหยูฟูมีจุดจบน่าสังเวช เพื่อจ่ายค่าเล่าเรียนให้กับบุตรของพี่สาวทั้งสองของเขา เขาทำงานเพิ่มอีกหลายชั่วโมงซ้ำแล้วซ้ำอีก อยู่มาวันหนึ่งเขาไปทำงานอย่างอ่อนล้า เขาตกจากชั้นที่สิบแปดและก็ด้วยสภาพเช่นนั้นเขาก็จากไป

ฉินหยูฟูไม่ใช่คนชอบโกหก เขาจ้อง แล้วเลียริมฝีปากเขา เพียงแค่ส่ายหัว

หัวหน้าคนงานเดินหาวออกมา มีบุหรี่ห้อยติดปากของเขา:ไอโย, เด็กเหลือขอตัวน้อยกลับมาแล้ว! ชีวิตในเมืองเป็นอย่างไร เธอแต่งชุดหล่อนี่ เธอต้องมีความสุขมากใช่มั้ย

ฉันโดยวางหมากในความขัดแข้งและโดนวางยา ฉันมีความสุขมากจริงๆ

ชูหนิงทักทายตามมารยาทเล็กน้อย ก่อนถามหัวหน้างานโดยตรง เพราะหัวหน้าคนงานจัดการงานของน้าเขา เขาต้องรู้สักเรื่องสองเรื่อง ทันทีที่เขาพูดถึงพี่สาวคู่นั้น หัวหน้าก็ฉุนขึ้น เขาขมวดคิ้วทันทีและพูดถึงพวกเขาพร้อมขากถุยน้ำลายเขาให้ว่อน ชูหนิงประหลาดใจที่ได้ยินมัน พวกเขาร้ายกาจเกินไปถึงกับมาคุกเข่ากันจริง ๆ !

เงิน! เรื่องใหญ่สุดๆ มันทำให้คนตาบอด

เพื่อเงิน พวกเขาเลวร้ายได้ยิ่งกว่าสัตว์ แรกเลยพวกเขาร้องไห้ จากนั้นพวกเขาก็ทำเอะอะ จากนั้นพวกเขาก็แขวนคอตัวเอง นี่มันเกินจริงเกินไป พวกเขาทำตามใจอยากโดยไม่ยั้งคิดเลย ทั้งสองผลัดกันและพาลูก ๆ มา! เขารู้สึกสมเพทพวกเขา แต่ใครคือคนที่น่าสมเพทกันแน่ น่าเสียดายที่มันใช้การไม่ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงเปลี่ยนกลยุทธ์ พวกเขายืนอยู่ที่ปากทางเข้าไซท์ก่อสร้างและพุ่งไปหาน้องชายของเขาสาดน้ำสกปรกใส่เขาตะโกนว่าเขาเป็นคนอกตัญญู  ดุด่าเขาอย่างรุนแรง หากมีผีสางสิงอยู่ในดินคงโดนไล่ผีกระเจิงอย่างแน่นอน แม้แต่คนที่ไม่รู้จักฉินหยูฟู ยังฟังแล้วเห็นจริงเห็นจังกับพวกเขา

คืนหนึ่ง พี่สาวทั้งสองก็พาลูก ๆ ไปร้องไห้ข้างนอกหอพักของเขาบ่นไม่หยุดหย่อน หัวหน้าคนงานเห็นสีหน้าของฉินหยูฟูเศร้าลงและใจเขาก็ดูเหมือนจะเห็นใจ เขาโทรหาเพื่อนร่วมงานหลายคนทันทีเพื่อไล่คนไร้ยางอายเหล่านี้ออกไป

ชูหนิงฟังอย่างตั้งใจ แล้วโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เป็นพี่ใหญ่! นี่มันไม่มีเหตุผล ตายแน่ ฉันตายแน่ๆ แป๊บเดียวเขาก็เหงื่อออกเย็นเจี๊ยบ!

ไปเป็นแม่ศรีเรือนในโลกผู้ฝึกปราณ 02 หาที่ตาย

    พวกนี้ใคร? ทำไมต้องมาต่อยตีกันด้วยล่ะ? แล้วพี่รองและพี่น้องคนอื่น ๆ ล่ะ? แล้วนี่มันที่ไหนเนี่ย? หรงอี้เห็นภาพฉากทัศนวิสัยโดยรอบเปลี่ยนจา...