Saturday, October 5, 2019
Back to the Apocalypse [BL] Ch-16
นั่งอยู่บนรถไป๋จิงก็เงียบไปตลอดทาง เฉาเหลยแวบมองไปข้างหลังเป็นครั้งคราว ในใจยิ่งมั่นใจมากขึ้น นายน้อยของพวกเขาอกหัก ริมฝีปากเขาหยักขึ้นน้อยๆและเผยรอยยิ้มที่ยั้งไม่อยู่ อารมณ์ที่บูดอยู่ตลอดนั้นดีขึ้น คิดอย่างระแวดระวัง คุณเองก็มีวันแบบนี้ได้เหมือนกัน!
ไป๋จิ่งหน้าตึงมองออกไปนอกหน้าต่าง เมื่อเขาตัดสินใจแล้วก็จะไม่เปลี่ยนใจ เป็นไปไม่ได้ที่จะพูดว่าภายในใจไม่เสียใจ เขาคิดถึงเขาคนนั้นมากจริงๆ และใจเขาก็รวดร้าว ไม่มีใครรู้ว่าตอนเขาอยู่ในเมือง n นั้นทั้งวิตกกังวลและคาดหวัง แม้ว่าในใจเขาจะไม่สบายใจหากทว่าก็ยังรู้สึกว่ามันช่างแสนหวาน แล้วมาตอนนี้ต้องจากไปอย่างกะทันหัน แม้ว่าเขาเองเป็นคนเลือกทางนี้ แต่ทั้งร่างเหมือนกลวงว่างเปล่าไปหมดแล้ว
กระนั้นก็ตาม เขาไม่ได้ทราบเลยว่าหลังเขาจากไปเพียงไม่นาน เซียวส้ากับพวกก็พากันมาขอพบเขา เซียวส้าไม่ได้คิดไว่ก่อนว่าไป๋จิ่งจะจากลาไปเร็วอย่างนี้ แต่บางครั้งก็มีบางเรื่องที่มันพลั้งพลาดไปอย่างคาดไม่ถึง
“ ทำไมไม่มีใครเตือนฉันเลย” เซียวส้าถามด้วยเสียงที่ลึก รู้สึกขัดหูขัดตาขึ้นมา เขาก็นึกถึงหนุ่มน้อยคนกล้าในวันนั้น ในใจของเขาก็รุ่มร้อนขึ้นนิดๆ เพียงมองดูโรงแรมที่ว่างเปล่า ในห้องนั้น รู้สึกว่าโมโหจนอึดอัด แต่ไม่รู้ว่าจะไปไหนได้
“อ้าว ไปแล้วเหรอ? เมื่อวาน ฉันไม่เห็นเขาขยับอะไรกันเลย "โจวจีพักหนึ่งก็รู้สึกเสียดาย ไม่ว่าพี่ชายของเขาจะสนใจหนุ่มคนนั้นหรือเปล่า พวกเขาก็หวังว่าอยากจะทำความรู้จักกับชายหนุ่ม แต่วันๆมันไม่ได้ว่าง
เซียวส้าเงียบไปครู่หนึ่งและสั่งการอย่างไม่ชัวร์ว่า: "ไปเช็คเที่ยวบินวันนี้ซิ" หลังจากนั้นเขาสั่งให้คนขับรถไปสนามบิน
หานเหยี่ยนกลืนน้ำลาย ฝีเท้านั้นรั้งอยู่ครู่หนึ่ง หัวเราะดังๆ จ้องไปที่เซียวส้าแวบหนึ่ง อ้อมแอ้มเอ่ยออกมา"ที่ไหนกัน ... ดูท่าว่าพวกเขาไม่ได้ไปเครื่องนะ"
เซียวส้าหันหน้ามามองเขาผ่านๆ หานเหยี่ยนใจหายวาบ มองกลับไปตรงๆ เขารีบสาบาน: "สาบานได้ ผมไม่ได้เห็นพวกเขาออกไป ไม่งั้นผมต้องไปแจ้งพี่แล้วแน่ๆ" เขาชอบเม้าท์ข่าว เมื่อรู้ว่าพี่ชายเขาสนใจชายหนุ่มนั่น เป็นธรรมดาว่าเขาเลยสนใจขึ้นอีกหน่อย เมื่อวานนี้ก็เห็นชัดเจน เด็กหนุ่มนั้นก็เหมือนกับตอนที่เขามา คือจากไปโดยไร้ร่องรอย เขารู้แค่ว่าพวกนั้นใช้รถแค้มปิ้งRV ที่เหลือนั้นก็ไม่รู้แล้วจริงๆ
เซียวส้าพยักหน้าเป็นทีว่ารับทราบ แล้วให้คนขับรถขับกลับไปที่บ้านใหญ่ หานเหยี่ยนอึ้ง พี่ใหญ่ปล่อยเขาไปอย่างง่ายดาย ไม่น่าเชื่อเลย
โจวจี มองเขาพร้อมยิ้มเบะๆและดุเข้าให้: "ยังไม่รีบอีก"
"เออ!" หานเหยี่ยนตามทัน และในใจยังโหวงเหวง พี่ใหญ่ไม่ได้กดดันสร้างบรรยากาศเย็นชากับเขา เหลือเชื่อมาก
เซียวส้ากลับไปที่บ้านใหญ่และเดินตรงไปที่ห้องนอน เขาไม่ได้อยากไปแวะหาในช่วงนี้หรอก แต่ตอนที่กลับมาเข้าที่เดิมก็มีแต่เรื่อง ตลอดวันไม่มีได้หยุดได้หย่อน จังหวะเวลานี้ได้โอกาส กะไปทีเดียวให้จบ เขาจึงรั้งรอไว้ก่อน เห็นโอกาสครั้งนี้ดีมาก เขาเองไม่ได้อยากจะพลาด ไม่ได้เจอไป๋จิ่งนั้นทำเขาเคืองใจอยู่เล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ถึงกับโกรธกริ้ว
.
ยิ่งเป็นแบบนี้เขายิ่งสนใจมากขึ้น ดวงตาดำนั้นก็ยิ่งฉายแววชอบอกชอบใจมากขึ้นอีก และเขามีชะตาต้องกันกับหนุ่มน้อยคนนี้จริงๆ เมื่อเขาได้ข้อมูลและได้รู้จักว่าชื่อนั้นคือไป๋จิ่ง เขาอดไม่ได้คิดถึงกลิ่นหอมอ่อนอวลอ้อยอิ่งจากร่างเด็กหนุ่ม กายเด็กน้อยที่นุ่มละมุนนัก
แม้ว่าเขาจะบาดเจ็บสาหัสในวันนั้น แต่เขาก็ไม่ได้สิ้นสติ คนอย่างพวกเขาต้องตื่นตัวอยู่เสมอแม้ในยามหลับ จำได้ว่าถึงแม้เขาที่หลบหนีอยู่ในวันนั้น จะพลังกายอ่อนแรงพลังใจก็แตกยับเยิน เขาพิงข้างรถและคิดว่าจะไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะในใจเขารู้ดีว่าเดี๋ยวต้องมีคนหาเขาเจอ แล้วเขาคงไม่รอดต่อให้มีเก้าชีวิตก็ตาม
ตอนนั้นเขาก็ได้ยินเสียงมีคนเข้ามา และส่วนใหญ่ก็เป็นคนมีฝีมือต่อสู้ ในเวลานั้นเขาไตร่ตรองคิดอย่างรวดเร็ว ตรวจหาคนที่มืออ่อนที่สุดในพวกนั้น เขาตัดสินใจขยับออกไป โดยไม่รีรอเขารีบคว่ำคนที่มืออ่อนที่สุดและรัดเขาอย่างแน่น แม้ว่าเขาเกือบจะเป็นลมและหมดสติ แต่ที่จริงแล้วเขาคร่ากุมจุดชีวิตของชายคนนั้นไว้ จริงๆแล้วเขากำลังพนันอยู่เช่นกัน หากคนผู้นี้มีทีท่าเป็นพิษภัย ถึงเขาจะดึงรั้งไม่อยู่ แต่ก็ยังสามารถบิดพลิกแขนจี้ล็อคกุมคนไว้ได้ จากนั้นคล้ายว่าเขาจะได้ยินเสียงหนุ่มน้อยที่ตำหนิติติง ซึ่งดังไม่เบาเลย ครั้นแล้วเขาก็ไม่อาจยั้งยันตัวไม่ไหว จิตใจเขาสับสนมึนงง แล้วก็หมดสติไปหลังจากที่เขาขึ้นไปบนรถแล้ว เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าอยู่ที่คลินิกส่วนตัวของตระกูลหนึ่ง
จากปากหมอเหอเขาจึงรู้จักไป๋จิ่ง ตลอดเวลานั้นเขาอยากจะขอบคุณเขาเสมอ เขาคนนี้เป็นคนแยกแยะรักแค้นชัดเจน โชคไม่ดีที่เขาขยับเขยื้อนไม่ไหวในเวลานั้นและชายคนนี้ไม่สบอารมณ์เอาเลย จากนั้นเขาได้ฟังว่าทางกลุ่มเกิดเหตุขึ้น เขาต้องมีเรื่องไปจัดการ เขาจึงผลัดไปก่อน แต่ไม่คาดว่าจะได้พบกันที่ในเมือง n ไม่น่าแปลกใจเลยว่ายามที่เขาเห็นเขาคนนั้นบนถนน จึงมีความรู้สึกคุ้นเคยที่อธิบายไม่ได้ และในครั้งนี้หนุ่มน้อยได้ช่วยเขาถึงสองเรื่องใหญ่ๆ จากหู จมูก จนถึงปลายนิ้ว ทุกส่วนราวกับเขายังรู้สึกได้ถึงสัมผัสนุ่มละมุนแห่งความอ่อนเยาว์นั้น
เซียวส้าฉับพลันนั้นไม่รีรอหยิบโทรศัพท์และโทรออกไปเมืองD ผลจากคาดเดาเป็นว่า ถามไปส่วนใหญ่นั้นพากันไม่รู้ เพียงแต่ได้ยินว่าเด็กหนุ่มวัยรุ่นนั่นไม่ได้ปรากฏตัวให้คนเห็นมาเป็นเดือนแล้ว
เซียวส้าขมวดคิ้วแน่น หากเขาถอยกลับไปแบบนี้เขาก็ไม่ใช่เซียวส้าแล้ว บอกกล่าวจัดการเรื่องในแกงค์จากนั้นก็มาเดินหน้าต่อ จองตั๋วเครื่องบินในอีกสามวันถัดไป เขาตกลงใจไปเมือง D อีกครั้ง ไม่เพียงแต่แค่อยากให้หลายเรื่องจบๆไป แต่ยังอยากฟังข่าวจากหนุ่มน้อยบางคน รู้สึกขัดใจที่พวกนั้นไม่ไปเครื่องบินกัน ถึงแม้ว่ารถแคมปิ้ง RV นั้นจะเด่นสะดุดตา แต่ประเทศ Z นั้นก็กว้างใหญ่ไพศาล เมื่อไม่ได้มีกำหนดเส้นทางที่แน่นอนก็ราวกับหาเข็มในกองฟาง แต่เขาเชื่อว่ายังไงหนุ่มน้อยก็จะต้องกลับมา
ในวันต่อมาเซียวส้าไปเมือง D บ้าง ได้รู้เพิ่มว่าไป๋จิ่งสั่งชุดยารักษาจากหมอเหอไว้ เขาไม่ได้ใจความอะไรอื่นจากที่รู้ และไม่ได้ใจความว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ แต่เซียวส้ามักจะรู้สึกว่าหนุ่มน้อยผู้อื้อฉาวเลื่องลือนี้ดูจะต่างไปจากสิ่งที่เขาเห็น แต่ก็แล้วยังไงล่ะ ยิ่งน่าสนใจขึ้นไปอีก ไม่ใช่หรือ? ใจเขาน่ะรับได้หมดอยู่แล้ว
.
ระหว่างเซียวส้าอยู่ในช่วงยุ่งเหยิงวุ่นวาย คณะไป๋จิ่งก็ไปถึงหวงซาน ตามที่อยู่ที่เขาจำได้ ไป๋จิ่งจึงไล่ตามหาอำเภอฉิงเชิง เรื่องที่อยู่แน่นอนของตระกูลหลินไป๋จิ่งเองนั้นไม่ชัดเจนนัก แต่เขาก็จำอำเภอฉิงเชิงได้ ในเวลานั้นมันมีชื่อเสียงจากคู่ของสองผู้เฒ่าหลิน แต่น่าเสียดายที่ภายหลังมันแตกพ่ายไปหลังจากที่ทั้งคู่เสียชีวิต
คนเรา ไม่ได้รู้เลยว่าเมือ่ไหร่ควรรู้จักพอ ครั้นได้กินอิ่มใส่เสื้ออุ่นแล้วก็เริ่มคิดเป็นอื่น แต่ไม่รู้ว่าพอตัวเองไปลงมือกับคนอื้นแล้ว ก็คือพาตัวเองให้ลำบากเอง ถ้าปราศจากที่กำบังแข็งแกร่งแล้วจะเอาชีวิตรอดในวันสิ้นโลกยังไง คิดเหรอว่ากำแพงเมืองในฉิงเชิงสามารถหยุดยั้งฝูงซอมบี้นับพันจนถึงนับไม่ถ้วนได้หรือ? ยังไม่ต้องพูดถึงสัตว์กลายพันธุ์เหล่านั้น
"ที่นี่สวยน่าทึ่ง" เฉาเหลยชื่นชมและขับรถไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ตอนนี้เขาต้องเป็นคนขับอยู่ดี แม้ว่าเขาจะไม่ชอบใจก็ต้องยอมรับชะตากรรม ใครใช้ให้เขากลายสภาพมาเป็นแฟนหนุ่มกันเล่า เพราะอยากให้น้องหนูของเขานอนพักผ่อนได้อย่างเต็มที่เขาเลยไม่มีทางเลือกเลยได้แต่บ่น แถมยังต้องทำงานหนักเป็นวัวเป็นควาย แต่เพื่อเห็นแก่ความรักของนายน้อย เขาทำใจให้อภัยอย่างไม่เห็นแก่ตัว
ถ้าไป๋จิ่งรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ เขาคงตายแน่ แล้วไม่ต้องคิดเลยว่าคืนนี้จะได้จู๋จี๋กับเด็กป๋า ใจเฉาเหลยเกรงจะเป็นแบบนั้น อึดอัดเก็บกดคับแค้นคนของตัวเองเหลือเกิน ช่วยคนไกลทิ้งคนใกล้ใส่ใจแต่นายน้อยใจโหด ถ้าจะให้ว่าไป ก็ต้องขอโทษที เพื่อชีวิตรักของเขาแล้วก็คงต้องจำทนต่อไป เรียนรู้ว่าถึงเวลาต้องทำตัวฉลาดๆแล้ว
“เห็นนายชอบ งั้นเราจะอยู่นี่กันและไปเช่าบ้าน” ไป๋จิ่ง พูดเบา ๆ และเขาวางแผนกะจะอยู่ที่นี่นานๆ ในเวลานี้อารมณ์ของเขาสงบลง และเขามาถึงอำเภอฉิงเชิงแล้วจริง ๆ แล้วเขาไม่ชอบภาพอยู่ในรถมึนๆงงๆ เรื่องพลังจิตเป็นเรื่องเฉพาะหน้า
"อยู่นี่?" ไม่เพียงหวางเสวี่ยปิงเท่านั้น แม้แต่เฉาเหลยก็ตะลึงงัน สิ่งแรกที่คิดคือนายน้อยจะอยู่ที่นี่ ประการที่สองฉันว่ามันแปลก ๆ ทำไมต้องเช่าบ้าน ทำไมไม่ซื้อเอา ไม่ใช่ว่านายน้อยรวยอยู่ตลอดเหรอ?
"มีใครค้านไหม?" ไป๋จิ่งขมวดคิ้วและมองจ้อง ถึงเขาจะมึนๆอยู่ ก็ไม่ได้ไม่รู้หรอกนะว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ทำท่าซะหยั่งกับว่ากลัวเขาจะดูไม่ออก ไปตรงไหนก็ตามติดหวังเสวี่ยปิงแจอวดนิดอวดหน่อย ไม่ใช่ว่าสองคนพิศวาสจี๋จ๋ากันนักเหรอ เฮ้อ แต่แรกก็ไม่ได้คิดจะพรากเนื้อคู่คนเขาหรอก อันนี้เดี๋ยวต้องค่อยๆคิด
"เปล่า - -" เมื่อเห็นสีหน้าเข้มของไป๋จิ่ง เฉาเหลยรีบพูด เขาละกลัวนายน้อยผู้นี้จริงๆ ตอกย้ำย่ำยีเก่ง
"เหอะ!" ไป๋จิ่งแค่นเสียง เมินหน้าไป "ช่วยฉันตามหาผู้เฒ่าที่ชื่อหลินเหว่ยฉีหรือผู้ชายที่ชื่อหลินเจ๋อเฟิง ถ้าเราพักใกล้พวกเขาได้จะดีมาก”
เฉาเหลี่ยนตาสว่างเดี๋ยวนั้น เขาก็นึกออกทันทีว่านี่มันเรื่องนอกใจ ทรยศรัก
ตาสวยของไป๋จิ่งหรี่ลงนิดๆ และไม่รอฟังว่าเขาที่จะพูดอะไร เฉาเหลยคับอกคับใจ เรื่องตลกแล้ว เขาไม่ใช่บอดี้การ์ดกากๆ เรื่องร้ายๆแรงๆเห็นกันชัดๆ เขาจะไม่รู้สึกได้อย่างไร และรีบพูด “ผมจะเร่งไปหาที่พักก่อน แล้วค่อยดูบ้าน แล้วเรื่องตามหาคนผมจะให้ตำรวจช่วย "
ไป๋จิ่งหยุดพูดแล้วจ้องมองเขาครู่หนึ่ง นับว่ามองภาพออก
.
อย่างไรก็ตามไป๋จิ่งยังคงชอบความสามารถของเฉาเหลยในการจัดการเรื่องต่าง ๆ เนื่องจากเขาจะสร้างทีมในวันสิ้นโลก เขาจึงคิดว่าอาจจะรวม เฉาเหลยไว้ในนั้น จริง ๆ แล้วเขาก็รู้ว่าเพราะหวางเสวี่ยปิงอยู่ตรงนี้ เฉาเหลยถึงจะไม่หนีไปไหนแน่ เขายังคงเอือมอยู่หน่อยนึง แค่คิดว่าเฉาเหลยนั้นขี้หงุดหงิดโดยธรรมชาติ
หาโรงแรมได้โดยบังเอิญและหลังจากพักไปหนึ่งคืน เฉาเหลยไปที่สถานีตำรวจในวันถัดไป และไป๋จิ่งนั่งอยู่ในห้องถือตำราทางการแพทย์และอ่านอยู่ เขายังอ่านได้ไม่ถึงครึ่งหนึ่ง ก็จดจำเรื่องการฝังเข็มร่างกายมนุษย์และบริบทของร่างกาย แต่ไม่มีจุดแนะนำเฉพาะสว่น เขาจึงเข้าใจจำกัดได้เพียงเท่าที่เขียนไว้ มันก็เหมือนกับการทำอาหาร ไม่ว่าได้อ่านมาหลากหลายสูตรอาหารแค่ไหน ก็ต้องแสดงฝีมือด้วยตัวเอง ถึงมีสองตาแต่ก็อาจกลายเป็นตาบอดได้แว่น
ในช่วงบ่าย เฉาเหลยนำข่าวมาแจ้งว่ามีผู้ชราชื่อหลินเหว่ยฉีอยู่สามรายในอำเภอฉิงเฉิง เพราะคนส่วนใหญ่ในเมืองของพวกเขาแซ่หลิน พวกเขาเลยเปลี่ยนแซ่กันหลายคน แต่หลินเจ๋อเฟิงมีปู่เพียงคนเดียวและอาศัยอยู่ในตระกูลที่อยู่ไกลโพ้น แต่เข้าไปในภูเขา เป็นหมู่บ้านบนภูเขาในเขตเมืองเล็ก ๆ ในอำเภอฉิงเชิง ได้ยินมาว่ามันห่างไกลมากแม้ว่ารถเข้าถึง ก็ยังคงเป็นทางดิน หลังจากเข้าไปแล้วประมาณ 9 กิโลเมตรก็จะถึง และถ้าจะเช่าบ้าน พูดตรงๆว่า เขาไม่คิดว่านายน้อยจะอยู่ไหว
"ขี่มอเตอร์ไซค์ไปเช็คดูพรุ่งนี้" ไป๋จิ่งคิดอยู่พักหนึ่ง แล้วใจเขาก็แจ่มใสทันที กลายเป็นว่าผู้เฒ่าหลินเป็นคนอยู่ภูเขา และเขาว่าในวันสิ้นโลกคนที่มีวิทยายุทธพากันอยู่รอดได้ดี ทำไมเขาตายในหายนะนี้ ต้องโดนให้ร้ายจากคนที่เขาช่วย
เดาได้ว่าบางคนก็ไม่มีพลังฉี ดังนั้นคนภูเขาจึงกลายเป็นผู้นำในพื้นที่ พอได้กินและได้อยู่อุ่นทุกอย่างไร้กังวล ก็จะคิดเป็นอื่นขึ้นมา แต่โชคดีที่เขาเป็นคนภูเขามีจิตใจดี และเขาจึงมีโอกาสเข้าพบเพื่อขอคำชี้แนะ จำได้ว่าคนอื่น ๆ อีกหลายคนที่มีวิทยายุทธ หากไม่ถูกทางการพาไปรวมเป็นฐานะผู้นำ ก็พากันตั้งทีมเอง
อย่างไรก็ตาม นั่นก็เมื่อก่อน หลังๆมาซอมบี้ก็มีพลังแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ วิทยายุทธกับกำลังภายในไม่ได้แทนทุกอย่างได้ ก้าวหน้าไม่เท่ากับได้กลืนแก่นผลึก แล้ววิทยายุทธก็ถูกละทิ้งไปเรื่อย ๆ ไป๋จิ่งเองไม่ทราบที่อยู่ของพวกเขา แต่ก็มีการระบุชื่อชัดเจน เขาเชื่อว่าหากทันทีที่เขาไปถึงที่นั่น เขาก็คงจะได้รับการปฏิบัติอย่างอบอุ่น แต่คนเหล่านั้นซับซ้อนเกินไปและหลังจากการสิ้นโลกจิตใจคนก็ต่ำช้า ไป๋จิงไม่อยากข้องแวะด้วย หลังจากไตร่ตรองเรื่องนี้ที่เขาคิดไว้ก็มีแต่เพียงผู้เฒ่าหลิน
นอกจากเขาแล้ว ผู้ที่ยังคงใช้วิทยายุทธในวันสิ้นโลกเป็นคนที่มีชื่อเสียงเสื่อมเสียแต่แอบซ่อนประวัติฉาวของตระกูลพวกเขาไว้มิดชิด แน่นอนว่ายังมีตระกูลนักบู๊ที่แท้อีกสองสามราย แต่ไป๋จิ่งไม่คิดว่าไปปรึกษาคนพวกนั้นจะดีกว่าผู้เฒ่าหลิน "ตระกูล" สองคำนี้หมายถึงปัญหา เมื่อมากคนก็มากความ ตระกูลเหล่านั้นในวันสิ้นโลก มักไม่ใช่การฟอร์มทีมพวกความสามารถปกติที่โดดเด่นอะไร เพราะมีอุปสรรคมากเกินไป รับผิดชอบหนักไป หลายคนมีความรับผิดชอบลึกเกินไป แต่บางครั้งจิตวิญญานของพวกเขาก็น่ายกย่องเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครสามารถยืนหยัดได้จนถึงที่สุด
.
ก่อนที่เขาจะถูกจับเข้าสถาบัน ตระกูลนักบู๊หลายแห่งถูกสลายหรือไม่พวกเขาก็กลายเป็นวิญญาณหลังจากถูกซอมบี้กระซวกเอา จริยธรรมนั้นเป็นอะไรที่เขาไม่พูดถึงกันตอนวันสิ้นโลก
ในวันถัดมา เฉาเหลยหามอเตอร์ไซค์มาสองคัน ไม่ต้องถามเขาว่าทำไมไม่เอามาสามคัน นายน้อยของเขาชี้แนะคนอยู่ตลอดในเรื่องมอเตอร์ไซค์อะไรเทือกนั้น ถ้าที่เขาจำได้แม่น นายน้อยนั้นกลัวอย่าว่าแต่เขาจะนั่งเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการขี่
ไป่จิงไม่ค้านเรื่องนี้ เขาจะขี่มอเตอร์ไซค์ไม่เป็นได้ไง ถูกเซียวส้าบังคับมาเยอะแล้ว แต่พอดีนี่มีคนขับขี่ให้และเขาก็เบาแรงไปได้อย่างมาก
บ้านหลินเหว่ยฉีหาง่ายมาก เมื่อเขามาถึงเมืองซวงซีเขารู้จักที่ตั้งของหมู่บ้านมูจู่ หลินเหว่ยฉีเป็นคนดังในหมู่บ้านมูจู เนื่องด้วยลูกชายของเขาได้เข้าเรียนที่โรงเรียนแพทย์S ในตอนนั้นไม่เพียงแค่ดังในหมู่บ้านแต่จนถึงในเมือง ก็ดังเด่นเจิดจ้าเป็นเวลานานเลย
เมื่อมาถึงประตูบ้านหลิน มันเป็นบ้านอิฐธรรมดาๆ บ้านไม่ใหญ่มาก แต่ก็ดูเรียบร้อย มียกขอบลานบ้านเล็ก ๆ อยู่หน้าบ้านซึ่งถูกลาดด้วยซีเมนต์ ลานหน้าบ้านมีกรงไก่สานด้วยไม้ไผ่วางไว้ ข้างในมีลูกเจี๊ยบหลายตัวร้องกุ๊กๆๆ ถ้ดจากกรงไก่มีชั้นอยู่2-3อัน เพาะถั่วและบวบไว้ ถัดไปอีกหน่อยเป็นต้นไม้ผลอยู่ข้างหน้า ตอนนี้มันเป็นฤดูเก็บผล ดูแล้วชวนให้อยากกิน
“ มีใครอยู่ข้างในไหม?” ไป๋จิ่งเข้ามาที่ประตูและไม่เข้าไปข้างในโดยตรง แทบทำเอาเฉาเหลยและหวังเสวี่ยปิงอ้าปากค้าง นายน้อยของพวกเขามากมารยาทตั้งแต่เมื่อไหร่ นอกจากจวนของท่านผู้ว่าจู้ นายน้อยอาละวาดไปทุกที่ ไม่มีหลบเลี่ยง
"คุณคือ ... " ไม่นานหลังจากนั้น หญิงชราคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในห้องพร้อมกับผมสีเทาและท่าทางสงสัย แม้ว่านางจะแต่งกายสุภาพเรียบร้อย ก็ดูออกว่าเรียนมาสูงและไม่มีดูบ้านนอกตรงไหน โดดเด่น
"สวัสดี ที่นี่บ้านของคุณหลินเหว่ยฉีใช่หรือเปล่า" ไป๋จิ่งถามพร้อมด้วยรอยยิ้ม อันที่จริงตราบใดที่เขาตั้งใจแล้ว เขาสามารถแสดงท่าทีชวนสนิทสนมสมกับรูปร่างหน้าตาของเขา และเขาสามารถชวนเชิญได้ทุกเพศทุกวัย
มีเพียงหวางเสวี่ยปิงและเฉาเหลยเท่านั้นที่สยองขวัญ นี่คือนายน้อยจากตระกูลของเขาหรือเปล่า? ใช่นี่! ใช่! หลังคุ้นเคยกับใบหน้าที่เย็นชาของนายน้อย กับอารมณ์คุ้มดีคุ้มร้ายแปลกประหลาดมานานเป็นเดือน การเปลี่ยนแปลงปุบปับครั้งนี้ช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
ไปเป็นแม่ศรีเรือนในโลกผู้ฝึกปราณ 02 หาที่ตาย
พวกนี้ใคร? ทำไมต้องมาต่อยตีกันด้วยล่ะ? แล้วพี่รองและพี่น้องคนอื่น ๆ ล่ะ? แล้วนี่มันที่ไหนเนี่ย? หรงอี้เห็นภาพฉากทัศนวิสัยโดยรอบเปลี่ยนจา...
-
Quick Transmigration System: Male God, Come Here ระบบย้อนชีพไวๆควิกๆ : ขั้นเทพก็มาดิเคิ๊บ Arc 2 สารบัญ ตอนที่ 41 กลับ...
-
Quick Transmigration System: Male God, Come Here ระบบย้อนชีพไวๆควิกๆ : ขั้นเทพก็มาดิเคิ๊บ ตอนที่ 41 กลับมาเจอชีวิตจริง ข...
-
Quick Transmigration System: Male God, Come Here ระบบย้อนชีพไวๆควิกๆ : ขั้นเทพก็มาดิเคิ๊บ ตอนที่ 82 ฮ่องเต้ 41 ...
No comments:
Post a Comment