Chapter
15: ภายหลัง
ทุกอย่างเขม็งเกลียว ผู้กำกับปวดขมอง สีหน้าเซียวหงเฉยชาดวงตาของเขากราดเกรี้ยวผิดปกติ
แม้ว่าเขาจะไม่ออกปาก แต่เมื่อเห็นเขาเช่นนี้ ไป๋จิ่งก็เดาได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ เห็นแบบนี้บ่อยๆในช่วงท้ายๆวันสิ้นโลก
ก็แค่เรื่องฆ่าคน ถ้าเกิดเขาต้องตายในเมือง N พวกบอดี้การ์ดก็คงหุบปากเงียบ
ถึงตรงนี้จะมีคนอยู่เยอะแยะ แต่เขาเองก็ไม่มีใครรู้จักตัวตน แล้วเซียวหงก็จะปิดเรื่องเงียบไว้ได้ในที่สุด
ไป๋จิ่งหยัน เฉาเหลยทำไมยังไม่มาอีก เขาชักทนรอไม่ไหวแล้ว เขาไม่เชื่อว่าหวางเสวี่ยปิงอยู่นี่
แล้วเฉาเหลยจะยอมให้ชีวิตเขาตกอยู่ในมือผู้กำกับจอมโลภ ที่นี่ดงนักเลงจะมาหาเหตุผลก็คงไม่ได้
ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเขาเองก็ไม่กะจะมีเหตุผลอยู่แล้ว
ในใจเขากำลังคิดอย่างนี้
เมื่อวิทยุสื่อสารตรงเอวนายร้อยดังขึ้น เสียงไม่ดังแต่ก็ดังพอให้ทุกคนตรงนั้นได้ยิน
“หัวหน้า หน่วยรบพิเศษล้อมรอบคลับไว้แล้ว”
มุมปากของไป๋จิ่งหยักขึ้นน้อยๆ แล้วยิ้มไม่หยุดยั้ง ในช่วงวันสุดท้าย
เขาได้เรียนรู้คำกล่าวที่ว่า เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอำนาจสูงสุด ไม่ว่าการสมคบคิดและเล่ห์ร้ายใด
ๆ ก็สุดจะเอาออกมาใช้ได้ จงคารวะให้กับกำลังที่แข็งแกร่ง
เซียวหงโวยขึ้นมาในตอนนั้นเพราะเห็นท่าจะไม่ดี เวลานั้นเขามองสีหน้าของผู้กำกับอีกที
โดยไม่ลังเล ก่อนหน่วยรบพิเศษจะมาถึง เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนหันปืนไปจับเป้าที่พวกของเซียวหงรอไว้
เรื่องเปลี่ยนแปลงเร็วจนทุกคนตั้งตัวไม่ทัน
“ปัง!” ประตูเปิดออก มีกำลังทหารจำนวนมากพรวดกรูกันเข้ามาพร้อมอาวุธครบมือ
เข้าล้อมรอบพวกเขาทันที
“นายน้อย” เฉาเหลยเดินด้วยฝีเท้ามั่นคง เขาเร้นมองคนรักอย่างไร้ร่องรอย
ไปยืนตรงที่ด้านข้างของไป๋จิ่ง ต่อหน้าคนภายนอกเขาวางตัวได้ดี
แม่เจ้า! ทุกคนในฮอลล์ถูกต้องหอบเฮือก พวกเขาไม่เคยเห็นภาพเรื่องราวใหญ่โตเช่นนี้เลย
เรื่องใหญ่ขนาดนี้น่าระทึกขวัญจริงๆ เด็กคนนี้เป็นใคร ถึงกับเรียกให้เคลื่อนกำลังหน่วยรบพิเศษได้!
ไป๋จิ่งยิ้มบางๆ แล้วแวบมองที่เฉาเหลย ทำไมไม่รู้เลยว่าชายคนนี้ทำงานมีประสิทธิภาพมาก
เขาพูดเบา ๆ ว่า: "พวกคุณมาที่นี่พอดีเลย จะได้เจอพวกแก็งค์อันธพาลอยู่ตรงนี้"
สายตาเขามองที่เซียวหงและคนอื่น ๆ เลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ “นิสนึง เรื่องจับก็อย่าพูดไป
ฉันต้องขอบคุณผู้กำกับเมือง N เขาเป็นคนดีจริง ๆ และจังหวัด X นั้นเป็นพื้นที่ที่ดี”
ผู้กำกับโล่งใจ ก่อนหน้านี้ได้ข่าวว่าคุณชายไป๋มีเหตุในคลับ เขาไม่โดดโหยงก็ไม่ไหวแล้ว
ถ้าเป็นเรื่องขึ้น อนาคตของเขาคงจบสิ้น โชคดีที่เขายังคงลังเลไม่บ่ายเบี่ยงคุณชายไป๋ไปตรงๆ
ไม่งั้นล่ะก็ เขาปาดเหงื่อเย็นเฉียบ คุณชายไป๋ดูนิสัยโหดระห่ำ เขาเองไม่ได้ทันรับข่าวเตือนเรื่องคุณชายไป๋
แต่ขณะเดียวกันหน่วยรบพิเศษได้ถูกแจ้งข่าวด้วย
เซียวหงมองอย่างขุ่นเคืองจ้องมองไป๋จิ่งอย่างโกรธกริ้ว
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้เขาโต้ตอบไม่ได้ ไม่ได้รับการเตือนล่วงหน้า ไอ้หนุ่มคนนี้โผล่ขึ้นมากลางอากาศ
เขายังพิศวงว่าหรือว่าเขาไปทำอะไรให้ขุ่นเคือง? เห็นอยู่ว่าเจ้าเด็กนี้จงใจสร้างประเด็นชัดๆ
แต่หนุ่มน้อยนี้ไม่ใช่พวกรับมือง่าย ถ้าก่อนหน้าเคยบาดหมางกันจริงๆ ก็ไม่มีเหตุผลว่าทำไมเพิ่งมาหาเรื่องเอาตอนนี้
เซียวหงได้แต่รู้สึกว่ามารตนนี้ร่วงมาจากฟ้า ในใจจะไม่ให้เกลียดชังได้ไง
วันนี้เขานั่งในตำแหน่งหัวหน้า แต่ไร้เหตุผลสิ้นดีโดนปั่นจนป่วน
ผู้กำกับยังเชื่องเชื่ออีกด้วย ขณะที่เข้าปรามเซียวหงก็ปิดปากเขาไว้แต่แรก
ดูเหมือนว่าเขากลัวว่าจะโดนขัดขืน ที่จริงไป๋จิ่งยิ้มเขาไม่ได้สนใจ เท่าที่เขาช่วยกำจัดเซียวหงให้เซียวส้ากลับมาได้
หลังสิบเดือนจากนี้ ใครแคร์ว่าใครจะตาย
“พี่ซา” ในห้องส่วนตัวหันเหยี่ยนอ้าปากค้าง และจ้องมองไปที่ฮอลล์ตลอด
“นี่…นี่…ไม่ใช่แล้ว…”
เขาพูดแล้วก็คว้าโจวจี“ ต่อยฉันที เร็วๆ
ฉันฝันอยู่หรือเปล่า” เมื่อวานยังเห็นเซียวหงตัวเป็นๆ
วันนี้เขาโดนจับกุมแบบนี้ เหลือเชื่อ
โจวจีไม่ได้ตื่นเต้นแบบเขา คิ้วขมวดเป็นกังวล “ออกไปไม่ได้แล้ว
เอาไงดีล่ะ?”
เซียวส้าเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นถามคำถามที่ไม่เกี่ยวข้อง“ตัวจริงเขาเป็นใคร”
โจวจีอึ้งไปพักแล้วเก็บอาการ คิดว่าเขายังคิดถึงผู้ชายคนนั้นอยู่อีกแล้วส่ายหัว
"ไม่รู้เรื่องราวเลย ดูเหมือนว่าเพิ่งเห็นเขาอยู่ในเมือง N วันนี้”
“เช็คประวัติเขา” เสียงเซียวส้านั้นเย็นชาและเย็นยะเยือก
สายตาของเขาไม่วอกแวกจับจ้องไปที่ดวงตาไป๋จิ่งที่กระพริบราวกับว่ากำลังจ้องมองเหยื่อจนน้ำลายสอ
ดวงตาทรงอำนาจดิบเถื่อนของเขาวาววับเต็มที่อย่างผู้ล่า
“ไม่…ไม่…ไม่ได้นา” หันเหยี่ยนตกใจ เด็กคนนี้มีแต่จะเอาเรื่องยุ่งยากมาให้ หลังจากเห็นฉากเมื่อครู่
ถ้าเข้าไม่ถูกทาง เขานี่แหละจะมอดไหม้
เซียวส้ารั้งสายตากลับมา เขายังไม่ถึงมัวเมาไม่รู้ดีชั่ว
แต่เขาก็สนใจ และดวงตาลึกล้ำก็ส่องวาบ “ถ้าเดาไม่ผิด พวกแก๊งค์ใต้ดินจะกลับคำให้การในสองสามวันนี้
เขาช่วยเราคือว่าทำคุณให้ใหญ่หลวง ธรรมดาแล้วเราก็ต้องไปขอบคุณเขา”
หันเหยี่ยนตระหนักดีว่านี่ล่ะ ไม่เมาเหล้าแล้วเรายังเมา...
โจวจีไม่ว่าอะไรเลย เขาเชื่อในพี่ใหญ่ของเขา
เด็กหนุ่มคนนี้ไม่ว่าเขาจะเยี่ยมขนาดไหน ก็แค่ผู้ชายคนหนึ่ง พี่ใหญ่ไม่ทำอะไรที่ไม่เห็นแก่พี่น้องของเขาหรอก
“แล้วตอนนี้เอาไง?” หันเหยี่ยนร้อนรนแล้ว ถ้าที่ตรวจสอบครู่หนึ่ง
พี่ซาคงหนีออกไปไม่ได้
“รอฉันกลับมา” เซียวส้าสีหน้าไร้อารมณ์ น้ำเสียงเยือกเย็น
เขาไม่พูดอะไร แต่หันเหยี่ยนและโจวจีเข้าใจดีว่าพี่ซากำลังเตรียมรับสิ่งที่เลวร้ายที่สุด
หากพี่ซาถูกจับกุมได้ไว้สักสองสามวัน ต้องมีคนลากคอเอาคำสารภาพของเขาออกมา
แต่มันก็ทำให้พวกเขารู้สึกมั่นใจพี่ซาไม่เคยทำอะไรไม่มั่นใจ ตอนนี้เซียวหงโดนจับ
บางทีอาวุโสเฒ่าสองสามคนอาจมีกังวลขึ้นมา หนทางบางอย่างก็อยู่ในมือของคนตระกูลเซียวเท่านั้น
ถ้าพวกเขาไม่ช่วยพี่ซา จะได้แต่มองเนื้ออ้วนๆลอยฟ้าหายไปได้ยังไง
แต่พวกเขาไม่คาดว่าเรื่องจะง่ายกว่าที่คิดไว้เยอะ
ไป๋จิ่งเห็นเซียวหงจนมุมกฎหมาย และราวไม่ตั้งใจมองดูเขาแวบหนึ่ง
“ กลายเป็นว่าเขานี่หรือบอส ดูทรงไม่เหมือนเลย”
ผู้กำกับเห็นแบบนี้เลยหัวเราะ เขารู้ว่าเขาคงได้ไปที่จังหวัด X และไม่รู้สึกกดดันในใจแล้ว
“คุณชายไป่อาจไม่ทราบ แต่เดิมบอสที่นี้เป็นคนอื่น คือน้องชายเขา
แต่ก็สักพักแล้ว ผมก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรกัน น้องชายเขาดูเหมือนจะหายตัวไปยังเป็นคดีค้างอยู่ที่สถานีตำรวจ
จากนั้นเขาก็รับตำแหน่งแทนน้องชายเขา”
ไป๋จิ่งได้ยินเขาพูดถึงเซียวส้า อดแน่นอกขึ้นมาไม่ได้ แต่แล้วเขาก็คลายออกและแสร้งทำท่าดูหมิ่น
“อื้ม! แค้นใหญ่หลวงอีกเรื่องสินะ น้องของเขาไม่แน่ว่าโดนเขาปองร้าย”
“ใช่ ใช่ ใช่เลย คุณชายไป๋พูดถูก เรื่องนี้จะต้องตรวจสอบกันให้ชัดเจน เดี่ยววันอื่นผมค่อยถอนหมายจับ"ผู้กำกับหัวเราะเฉียบ
เช็ดเหงื่อเย็น ใจเต้นรัว แต่ไม่มีทางอื่น ใครให้ไป๋จิ่งพูดทุกเรื่องออกมาแล้วเขามีส่วนเกี่ยวข้อง
“เมื่อไม่มีอะไรแล้ว แยกย้ายกันได้แล้ว วันนี้ทุกคนมาเจอเรื่องน่าตกใจ
อีกทั้งฉันเองยังเพลียมาออกเดินท่องทริปเสียยาว
ไอ้พวกสมควรตายนี้พาทำเสียอารมณ์หมด” ไป๋จิ่งบ่นพาเอาทุกคนในใจเหงื่อซ่ก
อดไม่ได้ยังต้องนึกเวทนาเซียวหง คลับเขาตอนนี้ต้องมาเจอดาวร้าย
ไม่รู้ว่าผิดพลาดอีท่าไหน
ไม่ใช่ว่าดูกันไม่ออกว่าไป๋จิ่งจงใจหาเหตุ แต่มันก็ต้องมีสาเหตุที่จงใจมาเอาเรื่องกันแบบนี้
ว่ากันแค่ว่าหนุ่มน้อยคนนี้ไม่เคยเจอว่ามาเมือง N แต่ว่าคนที่โดดเด่นเช่นนี้มีภูมิหลังตระกูลสูงส่งปานนี้
จะไม่มีข่าวคราวเลยได้อย่างไร
แค่เห็นโจ้วเจ๋อเฉินโดนตีไปหลายดอกเข้ากับตัว แต่กระนั้นดูไปแล้วเหมือนว่าเรื่องนี้มีแต่เซียวส้าที่ได้ประโยชน์จากต้นจนจบ
แต่ถ้าว่าเซียวส้ารู้จักบุคคลเช่นนั้น ก็ดูไม่น่าเชื่อ มิฉะนั้นเขาจะเป็นคนที่โดนตามล่าทั่วเมืองได้อย่างไร
จะอะไรก็เหอะ เรื่องราวจบลงในที่สุด เพราะเซียวหงก็เป็นอันธพาล
โดนกระหนาบด้วยหน่วยรบติดอาวุธ ผู้กำกับโบกมือแล้วตรองเรื่องโกหกพกลม เขาภาวนาให้เรื่องจบลงอย่างไวๆ
อยากรู้จริงๆว่าปัญหาคืออะไร เห็นอยู่ว่าเขากำลังจะได้รับการเลื่อนขั้น เขาไม่ต้องการให้มีเรื่องราวอะไรอีกภายหน้า
เรื่องในวันนี้ทำเขาอึ้งไปพอแรงแล้ว
ด้านนอกประตูคลับ ไป๋จิ่งระบายลมหายใจแรงลึก หลั่งเลือดตระกูลใหญ่
คู่แค้นสายโลหิต ที่แท้เซียวส้าต้องทนทุกข์จากการทรยศญาติสนิทด้วย
เขาเพิ่งรู้ในวันนี้ น่าขันที่เขาเคยเกลียดเซียวส้าจนพูดจาไม่ดีใส่ แต่เขาไม่รู้ว่าเขาสะกิดแผลเก่า
หลังจากจัดการกับเซียวหงและหวังเฉิง เซียวส้าก็กลับมาได้แล้ว
ไป๋จิ่งคิดอยู่ลึกๆในใจ ฉับพลันรู้สึกโฮมซิคขึ้นมา เมื่อกลับมาแล้วเซียวส้าจะมาเยี่ยมเขาไหม?
เฉาเหลยไร้คำพูดตลอดทาง เมื่อพวกเขากลับมาที่โรงแรม เขาถามว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั้น
หวางเสวี่ยปิงอธิบายว่าเป็นเรื่องร้อนเร่งด่วนโคตรๆ
ไป๋จิ่งนั้นอยู่ในอารมณ์ซับซ้อน ไม่ไหวจะทน เขาแค่กล่าวกับหวางเสวี่ยปิงแบบนี้
“คืนนี้นายมานอนกับฉัน”
หวางเสวี่ยปิงตาค้าง และอ้าปากหวอ
เฉาเหลยพลันหุบปาก
ไป๋จิ่งคร้านจะมองพวกเขาแล้วเดินตรงเข้าห้อง หวางเสวี่ยปิงตามปกติไม่ได้ติดตาม
ได้แต่หันมามองคนรัก คิ้วของเขาขมวดยุ่ง แล้วเขาจึงอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ในวันนี้
“นายว่า นายน้อยเป็นผีหรือเปล่า?” ในฐานะบอดี้การ์ด เฉาเหลยมีความเห็นชัดเจนในเรื่องบุคลิกของไป๋จิ่ง
ไม่ต้องพูดถึงที่ต้องถูกตรวจสอบก่อนเข้าทำงาน แต่หลังจากนั้นเขาไม่เห็นความแตกต่างอะไรของนายน้อย
ราวกับว่าจากเดิม แค่เพียงเดีอนเดียวมานี้เองที่นายน้อยก็เปลี่ยนไป
“โง่ปะเนี่ย ยังจะมีผีอยู่เหรอ? ถ้ายังมีผีอยู่ในโลก
ฉันว่าก็นายนี่ละผีตัวนึง”
“ผีบ้าผีบออะไร ผีจับหัวล่ะไม่ว่า” เฉาเหลยหัวเราะสนุกเล่น
“ไสหัวไปเลย อย่ามามือไม้เกะกะ ผีจับหัว” หวางเสวี่ยปิงหัวเราะและดุเข้าให้
“เรียกฉันผีแบบนั้น งั้นอย่าขยับนะ อย่างนั้นทำ …”
“…”
พากันหัวเราะอีกที แล้วเลยไม่ได้คุยเรื่องเดิมกันต่อ ลืมเขาไปเลยอย่างไรก็ตามนายน้อยก็ดีมากๆ
แม้ว่าพวกเขาจะตะลึงกับการเปลี่ยนแปลงของนายน้อย
แต่ก็ไม่ได้คิดว่าผิดตรงไหน ถึงนายน้อยเอาแต่ใจอย่างเปิดเผย เว้ากันซื่อๆ
รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องงี่เง่า พอมาถึงตอนนี้ก็รู้สึกว่าก็ไม่ได้ขัดตานัก
แม้ว่าตอนนี้หลายคนเห็นแล้วขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ในวันถัดมาผู้คนมาเยี่ยมคารวะไม่รู้จักจบจักสิ้น
ไป๋จิ่งอดทนรับมือกับมัน แต่ละครั้งคราวก็เหลียวไปมองและถามไปสองสามคำ เขาได้รู้ว่าตำรวจได้ถอนหมายจับแล้วเขาก็ถอนใจโล่งอกขึ้น
แต่ไร้ข่าวจากเซียวส้าทำให้เขาออกจะผิดหวังอยู่นิดหน่อย
จากนั้นในวันที่สามและสี่ เขาได้ยินว่า จินไห่ถังตกอยู่ใต้การดูแลของเซียวส้าแล้ว
แต่ตัวเขาเองไม่ปรากฏกาย ให้คนข้างกายลงมือ
ไป๋จิ่งรออยู่เงียบๆ ตะละวันเขารับมือผู้คนจำนวนมาก
เขาไปพบตั้งแต่กองพลาธิการของนายกเทศมนตรี ลงมาจนถึงนักธุรกิจทุกประเภท จากพวกหนึ่งไปอีกพวก
เกรงว่าถ้าไม่ออกรับแขกจะทำให้เขาพลาดเจอเซียวส้า
แต่ตลอดจนถึงวันที่หก เซียวส้าก็ยังไม่มาพบ ในใจไป๋จิ่งปนเปด้วยหลากอารมณ์
ไม่รู้ว่านี่เป็นเพราะเขาเศร้าหรือเขาเองก็โล่งอก แม้ว่าเขาจะพร้อมอยู่นานแล้ว ในใจยังอยากตรองเรื่องเซียวส้าอยู่อีก
แต่ครั้นจะได้พบเข้าจริง ก็อดขึ้ขลาดขึ้นมาไม่ได้ ภาพที่ผุดขึ้นมาต่อหน้า
ทุกครั้งก็เป็นเซียวส้าทันใดถูกซอมบี้กระซวกทะลุร่าง
“ไปได้แล้ว!” ไป๋จิ่งกล่าวเบาๆ เขาไม่ได้กะจะรอและรู้ว่าเซียวส้าไปได้ดีเช่นนี้แล้วเขาก็โล่งใจ
เพียงแค่ตอนนี้เขามีเรื่องสำคัญกว่า
เขาไม่ใช่เด็กๆอีกแล้ว และเขาจะไม่พลาดเพราะเรื่องมโนสาเร่ วันสิ้นโลกใกล้เข้ามาแล้ว
ตอนนี้เขาแกร่งขึ้น ก็มีโอกาสมากขึ้นที่จะรอดในอนาคต
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยคิดที่จะไปเจอเซียวส้า แต่จะให้บอกว่ายังไงล่ะ
ไปบอกเซียวส้าว่ามีวันสิ้นโลกจะมาแล้ว? เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ไม่สู้เสริมออกกำลังกายเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเอง
ในอนาคตเขาจะสามารถปกป้องเซียวส้าได้ดีขึ้น เซียวส้าตายเพื่อช่วยชีวิตเขาไว้ในชาติก่อน
อย่างนั้นในชีวิตนี้ให้เขาปกป้องเซียวส้า ต่อให้ไม่ได้พบหน้ากัน สิ่งนี้มันก็ไม่กระทบการตัดสินใจของเขา!
No comments:
Post a Comment