เรื่อง [นิยายแปล] Back
to the Apocalypse [BL] โดย พร่ำเพ้อ
https://my.dek-d.com/zmany/writer/view.php?id=1799279
เป็นงานทดลองแปล โดยสานงานแปลต่อจาก
ผู้แปลในเด็กดี ที่แปลไว้ 12 บท
เนื่องจาก เนื้อเรื่องสนุกมาก
แต่อ่านแล้วบางตอนไม่เข้าใจ ก็เลยลองแปลเอง
♣ ♣ ♣ ♣ ♣
บทที่ 13
ไป๋จิ่งปรายตามองนายนั่น
คร้านจะใส่ใจและเหยียดท่าทีกระวนกระวายของนายคนนั้น เขาเพียงแค่อยากจะเยี่ยมชม
และตอนนี้เขาอยากจะเดินดูรอบๆจริงๆ
หวางเสวี่ยปิง
ได้แต่เก็บความผิดหวังของเขาเอาไว้
นี่เขาลืมอารมณ์ของนายน้อยได้อย่างไรถึงแม้ว่านายน้อยจะเปลี่ยนไปแล้ว
แต่อารมณ์ของเขาก็ไม่ได้เป็นมิตรกับใคร
ไป๋จิ่งไม่ได้ไปไหนไกล เขาหิวขึ้นมาหน่อยๆ
เลยเรื่อยเฉี่อยเลือกร้านอาหารที่มีบรรยากาศดีแล้วเข้าไปข้างใน
หวางเสวี่ยปิงถอนใจเฮือกอย่างโล่งอก
แล้วมองเงียบเชียบไปที่คลับที่อยู่ไม่ไกล โชคดีที่นายน้อยไม่ได้ไปที่นั่น
เกย์ส่วนใหญ่รู้เรื่องสถานที่เหล่านี้ราวกับว่ามีสัญชาตญาณตามธรรมชาติ
แต่นายน้อยไม่รู้จักสถานที่ดังกล่าว หรือนี่แปลว่านายน้อยไม่ได้เป็นเกย์ ?
สั่งของมานิดหน่อยตามสบาย
ไป๋จิ่งมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไม่รู้ตัว
หวางเสวี่ยปิงยังคงกระวนกระวายใจ
ครั้นพนักงานมาเสิร์ฟอาหารและเขาเห็นภาพเงียบสงบที่ไป๋จิ่งรับประทานอาหาร
เขาก็ค่อยคลายใจจริงๆ แต่เขาไม่รู้ว่าเขาด่วนโล่งอกเร็วไปแล้ว
หลังมื้อเย็นและอยู่ในอารมณ์สงบเนื่องด้วยบรรยากาศของห้องอาหารแห่งนี้นั้นดีมาก
ไป๋จิ่งนั่งอยู่ครู่หนึ่ง จนได้เวลา 22:30 น.
และเขาตั้งใจจะออกไปข้างนอกอีก จบการเดินท่องเมืองให้เสร็จในคราวเดียวเลยน่าจะดี
จากหลายวันนี้ที่เปี่ยมด้วยจิตวิญญาณที่หนาแน่นนี่นับเป็นการผ่อนคลายที่หาโอกาสยาก
ถ้าเมื่อเขาเต็มอิ่มพอแล้วที่ได้เยี่ยมเยือนเมืองที่เซียวส้าเติบโตขึ้นมาซึ่งเป็นความปรารถนาหนึ่งของเขาแล้ว
เขาก็ตั้งใจจะไปหวงซานพรุ่งนี้
เพราะเรื่องการพัฒนาพลังจิตของเขาเป็นเรื่องที่เร่งด่วนสุด ..
หลังเดินออกจากร้านอาหาร
ไป๋จิ่งประเมินสภาพแวดล้อมโดยรอบตามนิสัย ดวงตาของเขากวาดไปทั่วท้องถนน
แล้วก็พลันจับจ้อง หน่วยตางามหรี่แคบลง
จดจ้องไปที่ด้านหน้าและเขาเร่งฝีเท้าตามออกไป ถ้าเขามองไม่ผิดคน ๆ
นั้นควรเป็นหันเหยี่ยน ถ้าเขาอยู่นี่นั่นก็หมายความว่าเซียวส้าอาจอยู่ไม่ไกล
" นายน้อย เดี๋ยว "
หวางเสวี่ยปิงเจ็บปวดมาก เมื่อเห็นสถานที่ที่นายน้อยมุ่งไป
นายน้อยคงไม่มีสติไปแล้ว
ไป๋จิ่งเข้าประตูคลับไปข้างในโดยไม่ยั้งคิด
ห้องโถงอันงดงามนั้นหรูหรามากทุกที่เผยให้เห็นสิ่งล่อใจเย้ายวนราวกับว่าที่นี่เป็นสวรรค์บนดิน
" นายน้อย กลับกันเถอะ "
หวางเสวี่ยปิงตั้งใจแน่วแน่ว่าเขาจะไม่ออกไปและเขาต้องเกลี้ยกล่อมนายน้อยให้กลับออกไปกับเขาให้ได้
ไป๋จิ่งไม่ได้หันศีรษะกลับมามองเขาอย่างเย็นชา
กลับกันเขาแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน
หวางเสวี่ยปิงมึนไปเลย นายน้อยดูแปลกไป
แล้วเลยทำให้เขาหวั่นเกรง อาจเป็นภาพหลอนรึแต่เจ้านายเข้าไปแล้วเขาก็ต้องตามติดให้ทัน
" สวัสดี
ยินดีต้อนรับสู่คลับจักรพรรดิของเรา คุณมีบัตรสมาชิกไหม ?” หญิงสาวสวยที่แต่งตัวด้วยชุดเปิดหลังถามกลับว่ามีบัตรสมาชิกไหม
บัตรสมาชิก? ไป๋จิ่งรู้ว่าปกติแล้วมีแต่คลับระดับบนที่ต้องการบัตรสมาชิก
หวางเสวี่ยปิงรู้สึกว่าโชคดีไม่ดีที่ไป๋จิ่งมองมาที่เขาและได้รับคำสั่ง
“
ฉันอยากจะเข้าไปข้างใน นายคิดออกรึยัง”
หวางเสวี่ยปิงชี้เข้าหาตัว
ถึงกับลิ้นแข็งพูดไม่ออก“ ผม…ผม…”
นายน้อยคิดว่าเขาเป็นซูเปอร์แมนหรือไง
ไป๋จิ่งเย้ย " อย่าบอกว่านายทำไม่ได้
" คนพวกนี้เออร์ลี่รีไทร์ออกจากกองทัพได้ ใช้เส้นสายตัวเองทั้งนั้น
พอโฮสต์เห็นว่าพวกเขาไม่มีบัตรสมาชิก
ทีท่าของเธอก็ดูถูกขึ้นไปอีกและคำพูดของเธอก็ยิ่งหื่น
เอื้อมมือออกไปสัมผัสใบหน้าของไป๋จิ้ง “ น้องชายยังไม่โต
ทำไมไม่ให้พี่สา…อ๊าาา…ปล่อยฉันนะ”
ก่อนที่หวางเสวี่ยปิงจะขยับ
การเคลื่อนไหวของไป๋จิ่งก็เหมือนสายฟ้าแลบ
เขาบิดแขนของผู้หญิงคนนั้นจนมีเสียงหักเผาะ แม่สาวนั้นกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
มองไป๋จิ่งด้วยดวงตาที่เปี่ยมความหวาดผวา ไม่กล้าขยับเขยื้อนอีกต่อไป
" อะไรกันเนี่ย ?” ผู้จัดการออกมาและถามเมื่อเขาเห็นสถานการณ์วุ่นวาย
ไป๋จิ่งปล่อยแขนของเธอ
หวางเสวี่ยปิงหยิบกระดาษชำระออกมา เขาไม่ใช่ผู้คุ้มกันแต่เป็นพี่เลี้ยงคุณหนู
ดังนั้นกระดาษชำระจึงเป็นของจำเป็นที่จะต้องเตรียมไว้สนองความต้องการของเจ้านายน้อย
ไป๋จิ่งเช็ดมือของเขา
กวาดสายตามองอย่างเย่อหยิ่ง
ผู้หญิงคนนั้นเห็นผู้จัดการและร้องว่า “ พี่ พวกเขาไม่มีบัตรสมาชิก ฉันถามคำถามไม่กี่คำพวกเขาก็จะหักแขนของฉัน”
ใบหน้าของผู้จัดการเย็นชา
ถ้านี่เป็นสมาชิกเขาคงจะค่อนข้างกังวล
มีคนสองประเภทที่มาที่นี่จะต้องฐานะร่ำรวยหรือไม่ก็มีฐานะทางสังคมสูงส่ง
และถึงแม้ว่าเสื้อผ้าพวกเขาจะดูดีมีราคา แต่มันก็ไม่ได้เป็นชื่อแบรนด์ดังอะไร
เขามองเหยียดและดูหมิ่น “ คุณสุภาพบุรุษทั้งสอง คลับจักรพรรดิของเราไม่ใช่สถานที่จะมาก่อเรื่องได้”
ไป๋จิ่งขมวดคิ้วและไม่เข้าใจว่าเซียวส้าจะมาที่นี่ได้อย่างไร
อีกทั้งท่าทีพนักงานบริการที่นี่ก็ยากจะทำให้เขาเชื่อว่านี่เป็นคลับไฮคลาส “สุภาพสตรีที่คิดอยากร่าน อย่ามาเรียกแขกอยู่ประตูหน้านี่
คิดตั้งอนุสาวรีย์ประกาศตัวว่าไร้มลทินเหรอ รูปร่างหน้าตาก็ห้าสั้น
ตาตี่เท่าเม็ดถั่วเขียว ขาก็โก่ง กรีดตาสองชั้น นมก็ปลอม
เอาเหอะถึงจะไม่ถึงขั้นก็เถอะ แต่ก็หน้าไร้ยางจริงๆ ยังกล้าเสนอหน้าด้วย” (ห้าสั้น=รูปร่างหนึ่งในโหงวเฮ้งประหลาด)
“ แก…” เจ้าหล่อนเหงื่อตกด้วยความเจ็บปวด
เกือบจะกระอักเลือดด้วยถ้อยคำเหล่านี้ เลยตะโกนใส่ผู้จัดการ:“ พี่ -”
ผู้จัดการกำลังจะพูดอะไรบางอย่างเมื่อมีเสียงพูดหยอกเย้าดังมาจากด้านหลัง
" โย่ คึกคักสุดๆ น้องสาวนายโชว์อีกแล้วสิ”
เสียงนี้คุ้นเคยอย่างยิ่ง
คนที่ตะโกนสั่งฆ่าไป๋จิ่ง ฆ่าเขาเพื่อแก้แค้นแทนพวกพ้อง ก็มันคนนี้ไม่ใช่หรือ?
หันเหยี่ยนมองหนุ่มน้อยอยู่เป็นครู่
เมื่อเขานึกถึงพี่ใหญ่ส้า คนนี้ที่พี่ใหญ่ชอบ แน่ล่ะว่าจะลงมือด้วยไม่ได้
แต่เขาคาดไม่ถึงว่าเด็กนี่จะปากมีพิษสงแบบนี้
สีหน้าของผู้จัดการดิ่งลง มองเหี้ยม
ๆไปที่หันเหยี่ยนแล้วก็ซ่อนมันไว้:“ พี่เหยี่ยน
พวกเขาไม่มีบัตรสมาชิก”
“ ไม่มีปัญหา
ฉันจ่ายให้ ถือว่าฉันเป็นคนแนะนำเขาเข้า” หันเหยี่ยนตบไหล่ของผู้จัดการ
กล่าวอย่างโอ่อ่า
ผู้จัดการแทบหัวเราะไม่ออก“ ถ้าพี่เหยี่ยนว่าอย่างนั้น ก็ตามที่คุณต้องการ แต่น้องสาวผม . ..”
“ก็แค่เก็บน้องสาวนายไว้ที่บ้าน น่าขายหน้าจริง
ปล่อยหล่อนออกมาเพ่นพ่านได้ คลับนี้ไม่ใช่ของนายนะ” หันเหยี่ยนไม่มีแววเมตตาใด
ๆ ในคำที่เขากล่าว น่าเสียดาย
เขามีเรื่องต้องทำวันนี้ไม่งั้นเขาจะส่งคนผู้นี้ให้พี่ใหญ่ส้า
“ตามสบายนะ วันนี้ฉันเลี้ยง” หันเหยี่ยนยิ้มอย่างมีเสน่ห์ อันที่จริงถ้าเขาไม่หยาบคายนัก
เขาก็เป็นคนที่ดูดีทีเดียว
ไป๋จิ่งไม่ได้สนใจเขาและดูเหมือนจะไม่รู้สึกขอบคุณแม้แต่จะเหลือบตามอง
แล้วเดินกรายตรงๆผ่านเขาไป
ในเมื่อหันเหยี่ยนไม่สามารถพาเขาไปเจอเซียวส้า อย่างนั้นก็ไม่มีประโยชน์ และเขาก็จะไม่ลืมหันเหยี่ยน
คนที่เยาะเย้ยเขา เห็นแก่หน้าเซียวส้าเขาจึงไม่อาจเอาคืน แต่เขาก็ไม่จำเป็นต้องแสร้งตีหน้าว่าเป็นคนดี
หวางเสวี่ยปิงรีบเร่งตามให้ทัน
เรื่องเมื่อครู่ทำเขาอึ้งตะลึงไปเลย ไม่ใช่แค่เพราะทักษะของนายน้อย
แต่ยังเป็นความเกรี้ยวกราดของนายน้อยด้วย คนอื่นอาจมองไม่ออก แต่เขารู้ว่าแม่นั่นโดนหักแขน
หันเหยี่ยนรู้สึกถึงได้ถึงการสบประมาทนี้
ถึงกับสะอึกอึ้ง หายใจขัด อะไรวะเนี่ย! เขาเบ้ปากอย่างไม่สบอารมณ์ หันซ้ายหันขวาแล้วเลยตกลงใจว่าเขาต้องบอกพี่ใหญ่ว่าเด็กคนนี้แย่มาก
สีหน้าผู้จัดการดูไม่ได้และหญิงสาวคนนั้นร้องไห้ด้วยความเจ็บ
ปากของเธอยังโอดครวญอยู่
"ทำไมพี่กลัวมัน
ไม่ใช่ว่าพี่เจ๋งกว่ามันเหรอ เจ็บนะนี่ แขนฉันต้องหักแหงๆ
ถ้าฉันกลับถึงบ้านฉันจะฟ้องแม่"
“ไม่ต้องห่วง มันจะผยองได้อีกไม่นานหรอก
แล้วพี่จะแก้แค้นให้เธอ ตอนนี้เธอควรรีบไปโรงพยาบาล”
“ฉันไม่ไป ไม่เอา พี่พูดไม่เป็นพูดตลอดเลย
ไม่ใช่ว่าเซียวส้าตายแล้วหรือ ทำไมต้องไปกลัวขี้ข้ามันคนนี้”
“อย่าพูดเหลวไหล
พี่ฮงยังทำอะไรมันไม่ได้อยู่สักพัก ทนไปก่อน
ความผยองหยิ่งของมันอยู่ได้อีกไม่นานหรอก "
สีหน้าไป๋จิ่งเคืองขุ่นไปเมื่อได้ยินการสนทนาของพวกเขา
ไตร่ตรองผลดีผลเสียเพื่อระงับแรงปลุกเร้าที่จะก้าวออกไปซักไซ้ เขาบอกตัวเองให้ตนเองสงบสติก่อน
เซียวส้าไม่น่าจะเป็นอะไรหรอกน่ะ เขาไม่คุ้นเคยกับคลับเลยเลือกบริกรไปส่งๆ
เขาถามว่าบริเวณที่คึกคักที่สุดนั้นอยู่ที่ไหนจากนั้นก็ตรงขึ้นไปที่ชั้นสาม
สถานที่ที่มีคนเยอะกว่า
ก็เป็นจุดที่ดีที่สุดในการเก็บข้อมูล
หวางเสวี่ยปิงเป็นกังวลและเดินตามขึ้นไปที่ชั้นสามของห้องโถง
ได้ยินเสียงดนตรีที่ดังสนั่นฟลอร์เต้นรำที่มีผู้คนเต็มไปหมดบิดตัวส่ายศีรษะกันอย่างสะใจ
จังหวะดนตรีที่เร่งร้อน เร้าอารมณ์ให้บางคนกล้าที่จะนัวเนียแล้วจูบแลกลิ้นกันนัว
ด้วยการใช้พลังจิตของเขาไป๋จิ่งเลยสามารถได้ยินหลากเสียงครวญครางทรมาน
อย่างไรก็ตามที่นี่มีแต่ผู้ชาย
ไป๋จิ่งก็รู้ในตอนนี้เองว่านี่เป็นคลับที่ครบวงจร ดึงดูดผู้ชายทุกคนไว้บนชั้นสาม
หัวไป๋จิ่งขึ้นขีดเส้นเครียด ที่พนักงานเสิร์ฟกล้าคิดว่าเขาเป็นเกย์
"นายน้อย ที่นี่ไม่เหมาะกับคุณ"
หวางเสวี่ยปิงขมวดคิ้วดูซีเรียส
“ก็ไม่ใช่ว่านายก็อยู่ที่นี่ ด้วยนี่?”
ไป๋จิ่งเลิกคิ้ว แล้วเขาเดินตรงไปยังมุมมืด
เขาปลดปล่อยพลังจิตสู่สภาพโดยรอบ
หวางเสวี่ยปิงรู้สึกหมดทางไปมาก
นายน้อยไม่ไว้ใจเขามากนัก แต่นายน้อยไม่มีวี่แววว่าจะเพลิดเพลิน เขาเลยค่อยโล่งใจ
เขาอดไม่ได้ที่จะคิดว่า ก่อนหน้านี้นายน้อยก็ทำตัวเหมือนเดิม
แล้วอย่างนั้นทำไมปุบปับเขาถึงอยากมาที่นี่ ...
“ โย่ นี่ไม่ใช่พี่หมินหรอกเหรอ? เป็นไงมั่งได้เป็นเบ๊ ไม่อยากมานี่ มาตามฉันเหรอ”
“ พี่เฉิงพูดล้อเล่นแล้ว
นี่ยังไงถึงยังไม่ตายคาเตียง? ผมทำอะไรที่ไหน
ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ”
เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นหู
ความคิดของไป๋จิ่งจึงเคลื่อนไหว โยกพลังจิตของเขาไปตรงนั้น
เขาไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังจิต ให้ครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่เช่นนี้เพื่อฟัง
ต่อให้เขาทำได้ก็เหอะเรื่องควบคุมชักใยนี้ก็เป็นภาระหนัก
และไม่สามารถส่งพลังหนุนเนื่องได้ยาวนาน
“ เซี่ยหมินหัง อย่าให้ตัวเองต้องขายหน้าไปเลย
วันนี้ฉันเหลือบแลแกหน่อยนึง ก็นับเป็นบุญวาสนาแกแล้ว”
" ขอบคุณพี่เฉิงที่พิสวาทผม
แต่พี่น่าจะคิดว่าพี่ชายพี่จะเก็บพี่ยังไง ตอนเขากลับมา"
“อย่าเอาเซียวส้ามาบี้ฉัน
ถ้ามันกล้าโผล่หัวเข้ามาในเมือง N ฉันคงเก็บมันไว้อยู่นี่ตลอดกาล”
“ แปลว่าอะไร” น้ำเสียงของเซี่ยหมินหังเปลี่ยน
“ฮา ฮา” หวังเฉิงหัวเราะ
พูดอย่างภาคภูมิใจ “ ตอนนี้พี่น้องใต้ดินและตำรวจอยากได้ตัวเซียวส้า
นายว่าไงล่ะ ต่อให้ยังไม่ตายก็เหอะนะมันยังจะกลับมาได้อีกงั้นเหรอ”
“หวังเฉิง
พี่ฉันไม่เคยปฏิบัติต่อนายอย่างเลวร้าย นายมันไม่รู้จักดีชั่ว”
“มันปฏิบัติต่อฉันไม่เลว ถ้ามันไม่เห็นแก่หน้าของเสี่ยวจิงไห่และตอนนี้ตาเฒ่านั่นก็ซี้แหงไปแล้ว
ถ้ามันดีกับฉันจริงๆทำไมไม่ให้อำนาจฉันจัดการเขตพื้นที่”
“นายติดตามเซียวหง
อยู่ตรงนั้นก็ยังไม่ดีอีกหรือ”
“ฮา ฮา ฮา ผลประโยชน์เยอะกว่าไง
ที่เวิ่นโหรวเซี้ยงนี่ไม่ใช่ว่าเป็นที่มั่นให้ฉันเล่นได้หรอกเหรอ
แกก็อยู่เวิ่นโหรวเซี้ยงด้วย ฉันจะดูว่าแกจะหนีไปไหนรอด ... "
“ผัวะ!”
" แก...กล้าต่อยฉัน "
“......”
“......”
ไป๋จิ่งเรียกพลังจิตของเขากลับ
ที่นี่หนวกหูไปหน่อย แค่ฟังไปสักพักเขาก็รู้สึกเหนื่อยนิดๆ
เรื่องหลังจากนั้นเขาพอเดาได้บ้าง เซี่ยหมินหังรู้จักเขา
และลูกน้องตละคนของเซียวส้าต้องมีครั้งหนึ่งที่เห็นแก่เซียวส้าทำดีกับเขา
ดูท่าจะมีเรื่องวุ่นกันใหญ่ตรงนั้น ไป๋จิ่งคิดแล้วออกจากมุมมืด
เมื่อหวางเสวี่ยปิงยังไม่ทันกระดิกตัวตอบสนอง ไป๋จิ่งก็มาถึงที่เตะตาคนเสียแล้ว
เขารู้ตัวว่ารูปร่างหน้าตาของตัวเองนั้นงามยวนตา
หวังเฉิงและเซียวหง ใช่มั้ย?
ไป๋จิ่งแย้มยิ้มอย่างนึกสนุก
ในเมื่อพวกเขาบังคับให้เซียวส้ากลับมา งั้นเขาก็จะช่วยเซียวส้า
“นายน้อย” หวางเสวี่ยปิงคอยติดตามไป๋จิ่งอย่างห่อเหี่ยว
นัยยะจากสายตาเจ้านายส่งให้เขาต้องกระเด็นไปยืนห่างออกไปสองเมตร
ระคายใจด้วยความห่อเหี่ยวที่ขย้ำขยี้ นายน้อยน่ะรู้มือตัวเองดีอยู่แล้ว
อย่างนั้นแล้วจะมีบอดี้การ์ดไปทำม้ายย ด้วยจรรยาบรรณแห่งบอดี้การ์ด
จะสอดมือยุ่มย่ามไม่ได้เว้นแต่เมื่อมีภยันตราย
ทันทีที่ไป๋จิ่งไปยืนอยู่ตรงนั้น
เขาดึงดูดความสนใจผู้คนเป็นอย่างมาก ใบหน้าที่งามประณีตสลักเสลา เหลี่ยมมุมคมชัด
แต่ยังงาม ด้วยรูปโฉมหล่อเหลาและแบบบางดูเบาดังไออากาศไม่เหมือนใคร
ประหนึ่งแผ่นหยกงามไร้ตำหนิถูกหลอมละลายกลายเป็นบุรุษหยก แม้จะยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบ
ๆ เขาก็ยังให้ความรู้สึกของความสง่างามราวเครื่องเคลือบลายคราม
ไม่เข้ากันเสียเลยกับสถานที่
แต่นั่นกลับยิ่งดึงดูดความสนใจขึ้นไปอีก
เซียวส้ามุ่นคิ้วย่น
มองไปที่หนุ่มน้อยผู้งามสง่าอยู่ในลานกว้าง ทำไมเขาถึงมาที่นี่ได้?
หันเหยี่ยนย่นคอไม่พูดจา ในตอนนั้น
เขาแค่เห็นเด็กนี่พยายามจะเข้าข้างใน
แต่เขาลืมว่าที่นี่ไม่ใช่อาณาเขตของพี่ชายแล้ว เซียวหงป่วนที่นี่ไปแล้ว
แล้วก็มีการเจรจาข้อตกลงลับๆกัน
มุมปากของไป๋จิ่งม้วนโค้ง
และรัศมีเจิดจ้างามพร้อมก็ปรากฏ เขาปรายตามองไปรอบ ๆ มองเรื่อยเปื่อยหาเก้าอี้นั่ง
ไม่ช้าไม่นานมีบางคนโฉบมาเจ๊าะแจ๊ะกับไป๋จิ่ง พอดีว่าไป๋จิ่งไม่ลังเลว่าเป็นใครเข้าหา
ไม่ใส่ใจว่าใครที่เข้ามาแล้วนั้นจะพูดอะไร เขาตบฉาดเข้าให้ด้วยฝ่ามือของเขา
ไม่เพียงแต่คนที่โดนกระทำต้องอึ้ง
หวางเสวี่ยปิงอึ้ง ผู้คนรอบตัวเขาก็อึ้ง แม้แต่หันเหยี่ยนและเซียวส้าทีมองจากห้องส่วนตัวก็อึ้ง
หันเหยี่ยนกลืนน้ำลาย เขารู้ว่าเจ้าเด็กนี่อารมณ์ร้าย
แต่เขาไม่ได้คิดว่าจะร้ายถึงขนาดนี้
“นาย /แก/ แม่/ แตะ/ ฉัน -” ชายคนนั้นเดือดขึ้นทันที เขาเป็นคนดังในเมือง N แต่ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาคนที่งามราวกับเทพเซียน
ได้ตบหน้าเขาและทำให้เขาต้องขายหน้า
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เสียงเขาหลุดออกมา ไป๋จิ่งหลังมือฉาดตบหน้าเขา
“แก…” ชายผู้นี้ไม่เคยอับอายเท่านี้มาก่อน
เขากำลังจะฟาดหมัดออกไป มือแกร่งก็ยั้งเขาไว้ ยกมือขึ้นมาป้องกันมือที่จะฟาดมาที่ใบหน้าอีกครั้ง
ไป๋จิ่งมีโอกาสตบอีกหน
หวางเสวี่ยปิงพูดไม่ออก
เขาคงโง่มากถ้าเขายังไม่เข้าใจเสียที นายน้อยแสดงออกมาชัดแจ้งว่ามาหาเรื่อง
นี่เป็นอาณาเขตของคนอื่น เขาก็บอกไม่ได้ว่าเหตุการณ์มันจะรุนแรงไปแค่ไหน
ไป๋จิ่งมุ่นคิ้ว เหลือบมองอย่างหยามหยัน
ประเด็นหลักคือ ฉันจะตีแกอีก ก็แล้วไง?
โจ้วเจ๋อเฉินคิดว่าเขาเป็นดั่งเหมยหิมะเกล็ดน้ำแข็งใสบอบบาง
ที่ต้องแหลกรานยับเยิน แรกเห็นหนุ่มวัยรุ่นคนนี้มันก็ดูโอเค
เขากะว่าจะเข้าทาบและตั้งใจจะคุยด้วย แวดวงแบบนี้ก็จะวุ่นวายอยู่หน่อยๆอ่ะนะ
ยากจะหาคนมีน้ำใจ สำหรับเขาแล้วเห็นเจ้าหนุ่มวัยรุ่นนี้เขาไม่อยากให้โดนหลอกเลย
ใครจะรู้ว่าเขาไปโดนตับแตะปอดเจ้าลาตัวนี้เข้าจากความปรารถนาดีแท้ๆ
แสบทรวงจริงโดนตบไปซะหลายดอก และแน่นอนว่าเขาไม่ได้นับครั้งไว้ อูยยยยย
--------------------------
https://thesuniscold.translatednovels.com/projects/back-to-the-apocalypse/chapter-13-creating-a-disturbance
.
.
.
.
No comments:
Post a Comment