Saturday, October 5, 2019

Back to the Apocalypse [BL] Ch-13




เรื่อง [นิยายแปล] Back to the Apocalypse [BL] โดย พร่ำเพ้อ
https://my.dek-d.com/zmany/writer/view.php?id=1799279

เป็นงานทดลองแปล โดยสานงานแปลต่อจาก ผู้แปลในเด็กดี ที่แปลไว้ 12 บท
เนื่องจาก เนื้อเรื่องสนุกมาก แต่อ่านแล้วบางตอนไม่เข้าใจ ก็เลยลองแปลเอง






 บทที่ 13


ไป๋จิ่งปรายตามองนายนั่น คร้านจะใส่ใจและเหยียดท่าทีกระวนกระวายของนายคนนั้น เขาเพียงแค่อยากจะเยี่ยมชม และตอนนี้เขาอยากจะเดินดูรอบๆจริงๆ

หวางเสวี่ยปิง ได้แต่เก็บความผิดหวังของเขาเอาไว้ นี่เขาลืมอารมณ์ของนายน้อยได้อย่างไรถึงแม้ว่านายน้อยจะเปลี่ยนไปแล้ว แต่อารมณ์ของเขาก็ไม่ได้เป็นมิตรกับใคร

ไป๋จิ่งไม่ได้ไปไหนไกล เขาหิวขึ้นมาหน่อยๆ เลยเรื่อยเฉี่อยเลือกร้านอาหารที่มีบรรยากาศดีแล้วเข้าไปข้างใน

หวางเสวี่ยปิงถอนใจเฮือกอย่างโล่งอก แล้วมองเงียบเชียบไปที่คลับที่อยู่ไม่ไกล โชคดีที่นายน้อยไม่ได้ไปที่นั่น เกย์ส่วนใหญ่รู้เรื่องสถานที่เหล่านี้ราวกับว่ามีสัญชาตญาณตามธรรมชาติ แต่นายน้อยไม่รู้จักสถานที่ดังกล่าว หรือนี่แปลว่านายน้อยไม่ได้เป็นเกย์ ?

สั่งของมานิดหน่อยตามสบาย ไป๋จิ่งมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไม่รู้ตัว

หวางเสวี่ยปิงยังคงกระวนกระวายใจ ครั้นพนักงานมาเสิร์ฟอาหารและเขาเห็นภาพเงียบสงบที่ไป๋จิ่งรับประทานอาหาร เขาก็ค่อยคลายใจจริงๆ แต่เขาไม่รู้ว่าเขาด่วนโล่งอกเร็วไปแล้ว

หลังมื้อเย็นและอยู่ในอารมณ์สงบเนื่องด้วยบรรยากาศของห้องอาหารแห่งนี้นั้นดีมาก ไป๋จิ่งนั่งอยู่ครู่หนึ่ง จนได้เวลา 22:30 น. และเขาตั้งใจจะออกไปข้างนอกอีก จบการเดินท่องเมืองให้เสร็จในคราวเดียวเลยน่าจะดี จากหลายวันนี้ที่เปี่ยมด้วยจิตวิญญาณที่หนาแน่นนี่นับเป็นการผ่อนคลายที่หาโอกาสยาก ถ้าเมื่อเขาเต็มอิ่มพอแล้วที่ได้เยี่ยมเยือนเมืองที่เซียวส้าเติบโตขึ้นมาซึ่งเป็นความปรารถนาหนึ่งของเขาแล้ว เขาก็ตั้งใจจะไปหวงซานพรุ่งนี้ เพราะเรื่องการพัฒนาพลังจิตของเขาเป็นเรื่องที่เร่งด่วนสุด ..




หลังเดินออกจากร้านอาหาร ไป๋จิ่งประเมินสภาพแวดล้อมโดยรอบตามนิสัย ดวงตาของเขากวาดไปทั่วท้องถนน แล้วก็พลันจับจ้อง หน่วยตางามหรี่แคบลง จดจ้องไปที่ด้านหน้าและเขาเร่งฝีเท้าตามออกไป ถ้าเขามองไม่ผิดคน ๆ นั้นควรเป็นหันเหยี่ยน ถ้าเขาอยู่นี่นั่นก็หมายความว่าเซียวส้าอาจอยู่ไม่ไกล

" นายน้อย เดี๋ยว " หวางเสวี่ยปิงเจ็บปวดมาก เมื่อเห็นสถานที่ที่นายน้อยมุ่งไป นายน้อยคงไม่มีสติไปแล้ว

ไป๋จิ่งเข้าประตูคลับไปข้างในโดยไม่ยั้งคิด ห้องโถงอันงดงามนั้นหรูหรามากทุกที่เผยให้เห็นสิ่งล่อใจเย้ายวนราวกับว่าที่นี่เป็นสวรรค์บนดิน

" นายน้อย กลับกันเถอะ " หวางเสวี่ยปิงตั้งใจแน่วแน่ว่าเขาจะไม่ออกไปและเขาต้องเกลี้ยกล่อมนายน้อยให้กลับออกไปกับเขาให้ได้

ไป๋จิ่งไม่ได้หันศีรษะกลับมามองเขาอย่างเย็นชา กลับกันเขาแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน

หวางเสวี่ยปิงมึนไปเลย นายน้อยดูแปลกไป แล้วเลยทำให้เขาหวั่นเกรง อาจเป็นภาพหลอนรึแต่เจ้านายเข้าไปแล้วเขาก็ต้องตามติดให้ทัน

" สวัสดี ยินดีต้อนรับสู่คลับจักรพรรดิของเรา คุณมีบัตรสมาชิกไหม ?” หญิงสาวสวยที่แต่งตัวด้วยชุดเปิดหลังถามกลับว่ามีบัตรสมาชิกไหม

บัตรสมาชิก? ไป๋จิ่งรู้ว่าปกติแล้วมีแต่คลับระดับบนที่ต้องการบัตรสมาชิก

หวางเสวี่ยปิงรู้สึกว่าโชคดีไม่ดีที่ไป๋จิ่งมองมาที่เขาและได้รับคำสั่ง ฉันอยากจะเข้าไปข้างใน นายคิดออกรึยัง

หวางเสวี่ยปิงชี้เข้าหาตัว ถึงกับลิ้นแข็งพูดไม่ออกผมผม…” นายน้อยคิดว่าเขาเป็นซูเปอร์แมนหรือไง

ไป๋จิ่งเย้ย " อย่าบอกว่านายทำไม่ได้ " คนพวกนี้เออร์ลี่รีไทร์ออกจากกองทัพได้ ใช้เส้นสายตัวเองทั้งนั้น


พอโฮสต์เห็นว่าพวกเขาไม่มีบัตรสมาชิก ทีท่าของเธอก็ดูถูกขึ้นไปอีกและคำพูดของเธอก็ยิ่งหื่น เอื้อมมือออกไปสัมผัสใบหน้าของไป๋จิ้ง น้องชายยังไม่โต ทำไมไม่ให้พี่สาอ๊าาาปล่อยฉันนะ

ก่อนที่หวางเสวี่ยปิงจะขยับ การเคลื่อนไหวของไป๋จิ่งก็เหมือนสายฟ้าแลบ เขาบิดแขนของผู้หญิงคนนั้นจนมีเสียงหักเผาะ แม่สาวนั้นกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด มองไป๋จิ่งด้วยดวงตาที่เปี่ยมความหวาดผวา ไม่กล้าขยับเขยื้อนอีกต่อไป

" อะไรกันเนี่ย ?” ผู้จัดการออกมาและถามเมื่อเขาเห็นสถานการณ์วุ่นวาย

ไป๋จิ่งปล่อยแขนของเธอ หวางเสวี่ยปิงหยิบกระดาษชำระออกมา เขาไม่ใช่ผู้คุ้มกันแต่เป็นพี่เลี้ยงคุณหนู ดังนั้นกระดาษชำระจึงเป็นของจำเป็นที่จะต้องเตรียมไว้สนองความต้องการของเจ้านายน้อย

ไป๋จิ่งเช็ดมือของเขา กวาดสายตามองอย่างเย่อหยิ่ง

ผู้หญิงคนนั้นเห็นผู้จัดการและร้องว่า พี่ พวกเขาไม่มีบัตรสมาชิก ฉันถามคำถามไม่กี่คำพวกเขาก็จะหักแขนของฉัน

ใบหน้าของผู้จัดการเย็นชา ถ้านี่เป็นสมาชิกเขาคงจะค่อนข้างกังวล มีคนสองประเภทที่มาที่นี่จะต้องฐานะร่ำรวยหรือไม่ก็มีฐานะทางสังคมสูงส่ง และถึงแม้ว่าเสื้อผ้าพวกเขาจะดูดีมีราคา แต่มันก็ไม่ได้เป็นชื่อแบรนด์ดังอะไร เขามองเหยียดและดูหมิ่น  คุณสุภาพบุรุษทั้งสอง คลับจักรพรรดิของเราไม่ใช่สถานที่จะมาก่อเรื่องได้

ไป๋จิ่งขมวดคิ้วและไม่เข้าใจว่าเซียวส้าจะมาที่นี่ได้อย่างไร อีกทั้งท่าทีพนักงานบริการที่นี่ก็ยากจะทำให้เขาเชื่อว่านี่เป็นคลับไฮคลาส สุภาพสตรีที่คิดอยากร่าน อย่ามาเรียกแขกอยู่ประตูหน้านี่ คิดตั้งอนุสาวรีย์ประกาศตัวว่าไร้มลทินเหรอ รูปร่างหน้าตาก็ห้าสั้น ตาตี่เท่าเม็ดถั่วเขียว ขาก็โก่ง กรีดตาสองชั้น นมก็ปลอม เอาเหอะถึงจะไม่ถึงขั้นก็เถอะ แต่ก็หน้าไร้ยางจริงๆ ยังกล้าเสนอหน้าด้วย” (ห้าสั้น=รูปร่างหนึ่งในโหงวเฮ้งประหลาด)

แก…” เจ้าหล่อนเหงื่อตกด้วยความเจ็บปวด เกือบจะกระอักเลือดด้วยถ้อยคำเหล่านี้ เลยตะโกนใส่ผู้จัดการ:พี่ -

ผู้จัดการกำลังจะพูดอะไรบางอย่างเมื่อมีเสียงพูดหยอกเย้าดังมาจากด้านหลัง " โย่ คึกคักสุดๆ น้องสาวนายโชว์อีกแล้วสิ

เสียงนี้คุ้นเคยอย่างยิ่ง คนที่ตะโกนสั่งฆ่าไป๋จิ่ง ฆ่าเขาเพื่อแก้แค้นแทนพวกพ้อง ก็มันคนนี้ไม่ใช่หรือ?




หันเหยี่ยนมองหนุ่มน้อยอยู่เป็นครู่ เมื่อเขานึกถึงพี่ใหญ่ส้า คนนี้ที่พี่ใหญ่ชอบ แน่ล่ะว่าจะลงมือด้วยไม่ได้ แต่เขาคาดไม่ถึงว่าเด็กนี่จะปากมีพิษสงแบบนี้

สีหน้าของผู้จัดการดิ่งลง มองเหี้ยม ๆไปที่หันเหยี่ยนแล้วก็ซ่อนมันไว้:พี่เหยี่ยน พวกเขาไม่มีบัตรสมาชิก

 ไม่มีปัญหา ฉันจ่ายให้ ถือว่าฉันเป็นคนแนะนำเขาเข้าหันเหยี่ยนตบไหล่ของผู้จัดการ กล่าวอย่างโอ่อ่า

ผู้จัดการแทบหัวเราะไม่ออกถ้าพี่เหยี่ยนว่าอย่างนั้น ก็ตามที่คุณต้องการ แต่น้องสาวผม . ..

ก็แค่เก็บน้องสาวนายไว้ที่บ้าน น่าขายหน้าจริง ปล่อยหล่อนออกมาเพ่นพ่านได้ คลับนี้ไม่ใช่ของนายนะหันเหยี่ยนไม่มีแววเมตตาใด ๆ ในคำที่เขากล่าว น่าเสียดาย เขามีเรื่องต้องทำวันนี้ไม่งั้นเขาจะส่งคนผู้นี้ให้พี่ใหญ่ส้า

ตามสบายนะ วันนี้ฉันเลี้ยงหันเหยี่ยนยิ้มอย่างมีเสน่ห์ อันที่จริงถ้าเขาไม่หยาบคายนัก เขาก็เป็นคนที่ดูดีทีเดียว

ไป๋จิ่งไม่ได้สนใจเขาและดูเหมือนจะไม่รู้สึกขอบคุณแม้แต่จะเหลือบตามอง แล้วเดินกรายตรงๆผ่านเขาไป  ในเมื่อหันเหยี่ยนไม่สามารถพาเขาไปเจอเซียวส้า อย่างนั้นก็ไม่มีประโยชน์ และเขาก็จะไม่ลืมหันเหยี่ยน คนที่เยาะเย้ยเขา เห็นแก่หน้าเซียวส้าเขาจึงไม่อาจเอาคืน แต่เขาก็ไม่จำเป็นต้องแสร้งตีหน้าว่าเป็นคนดี

หวางเสวี่ยปิงรีบเร่งตามให้ทัน เรื่องเมื่อครู่ทำเขาอึ้งตะลึงไปเลย ไม่ใช่แค่เพราะทักษะของนายน้อย แต่ยังเป็นความเกรี้ยวกราดของนายน้อยด้วย คนอื่นอาจมองไม่ออก แต่เขารู้ว่าแม่นั่นโดนหักแขน

หันเหยี่ยนรู้สึกถึงได้ถึงการสบประมาทนี้ ถึงกับสะอึกอึ้ง หายใจขัด อะไรวะเนี่ย! เขาเบ้ปากอย่างไม่สบอารมณ์ หันซ้ายหันขวาแล้วเลยตกลงใจว่าเขาต้องบอกพี่ใหญ่ว่าเด็กคนนี้แย่มาก




สีหน้าผู้จัดการดูไม่ได้และหญิงสาวคนนั้นร้องไห้ด้วยความเจ็บ ปากของเธอยังโอดครวญอยู่

"ทำไมพี่กลัวมัน ไม่ใช่ว่าพี่เจ๋งกว่ามันเหรอ เจ็บนะนี่ แขนฉันต้องหักแหงๆ ถ้าฉันกลับถึงบ้านฉันจะฟ้องแม่"

ไม่ต้องห่วง มันจะผยองได้อีกไม่นานหรอก แล้วพี่จะแก้แค้นให้เธอ ตอนนี้เธอควรรีบไปโรงพยาบาล

ฉันไม่ไป ไม่เอา พี่พูดไม่เป็นพูดตลอดเลย ไม่ใช่ว่าเซียวส้าตายแล้วหรือ ทำไมต้องไปกลัวขี้ข้ามันคนนี้

อย่าพูดเหลวไหล พี่ฮงยังทำอะไรมันไม่ได้อยู่สักพัก ทนไปก่อน ความผยองหยิ่งของมันอยู่ได้อีกไม่นานหรอก "




สีหน้าไป๋จิ่งเคืองขุ่นไปเมื่อได้ยินการสนทนาของพวกเขา ไตร่ตรองผลดีผลเสียเพื่อระงับแรงปลุกเร้าที่จะก้าวออกไปซักไซ้ เขาบอกตัวเองให้ตนเองสงบสติก่อน เซียวส้าไม่น่าจะเป็นอะไรหรอกน่ะ เขาไม่คุ้นเคยกับคลับเลยเลือกบริกรไปส่งๆ เขาถามว่าบริเวณที่คึกคักที่สุดนั้นอยู่ที่ไหนจากนั้นก็ตรงขึ้นไปที่ชั้นสาม

สถานที่ที่มีคนเยอะกว่า ก็เป็นจุดที่ดีที่สุดในการเก็บข้อมูล

หวางเสวี่ยปิงเป็นกังวลและเดินตามขึ้นไปที่ชั้นสามของห้องโถง ได้ยินเสียงดนตรีที่ดังสนั่นฟลอร์เต้นรำที่มีผู้คนเต็มไปหมดบิดตัวส่ายศีรษะกันอย่างสะใจ จังหวะดนตรีที่เร่งร้อน เร้าอารมณ์ให้บางคนกล้าที่จะนัวเนียแล้วจูบแลกลิ้นกันนัว ด้วยการใช้พลังจิตของเขาไป๋จิ่งเลยสามารถได้ยินหลากเสียงครวญครางทรมาน

อย่างไรก็ตามที่นี่มีแต่ผู้ชาย ไป๋จิ่งก็รู้ในตอนนี้เองว่านี่เป็นคลับที่ครบวงจร ดึงดูดผู้ชายทุกคนไว้บนชั้นสาม หัวไป๋จิ่งขึ้นขีดเส้นเครียด ที่พนักงานเสิร์ฟกล้าคิดว่าเขาเป็นเกย์

"นายน้อย ที่นี่ไม่เหมาะกับคุณ" หวางเสวี่ยปิงขมวดคิ้วดูซีเรียส

ก็ไม่ใช่ว่านายก็อยู่ที่นี่ ด้วยนี่?” ไป๋จิ่งเลิกคิ้ว แล้วเขาเดินตรงไปยังมุมมืด เขาปลดปล่อยพลังจิตสู่สภาพโดยรอบ

หวางเสวี่ยปิงรู้สึกหมดทางไปมาก นายน้อยไม่ไว้ใจเขามากนัก แต่นายน้อยไม่มีวี่แววว่าจะเพลิดเพลิน เขาเลยค่อยโล่งใจ เขาอดไม่ได้ที่จะคิดว่า ก่อนหน้านี้นายน้อยก็ทำตัวเหมือนเดิม แล้วอย่างนั้นทำไมปุบปับเขาถึงอยากมาที่นี่ ...




โย่ นี่ไม่ใช่พี่หมินหรอกเหรอ? เป็นไงมั่งได้เป็นเบ๊ ไม่อยากมานี่ มาตามฉันเหรอ

พี่เฉิงพูดล้อเล่นแล้ว นี่ยังไงถึงยังไม่ตายคาเตียง? ผมทำอะไรที่ไหน ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ




เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นหู ความคิดของไป๋จิ่งจึงเคลื่อนไหว โยกพลังจิตของเขาไปตรงนั้น เขาไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังจิต ให้ครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่เช่นนี้เพื่อฟัง ต่อให้เขาทำได้ก็เหอะเรื่องควบคุมชักใยนี้ก็เป็นภาระหนัก และไม่สามารถส่งพลังหนุนเนื่องได้ยาวนาน

เซี่ยหมินหัง อย่าให้ตัวเองต้องขายหน้าไปเลย วันนี้ฉันเหลือบแลแกหน่อยนึง ก็นับเป็นบุญวาสนาแกแล้ว

" ขอบคุณพี่เฉิงที่พิสวาทผม แต่พี่น่าจะคิดว่าพี่ชายพี่จะเก็บพี่ยังไง ตอนเขากลับมา"

อย่าเอาเซียวส้ามาบี้ฉัน ถ้ามันกล้าโผล่หัวเข้ามาในเมือง N ฉันคงเก็บมันไว้อยู่นี่ตลอดกาล

แปลว่าอะไรน้ำเสียงของเซี่ยหมินหังเปลี่ยน

ฮา ฮาหวังเฉิงหัวเราะ พูดอย่างภาคภูมิใจ ตอนนี้พี่น้องใต้ดินและตำรวจอยากได้ตัวเซียวส้า นายว่าไงล่ะ ต่อให้ยังไม่ตายก็เหอะนะมันยังจะกลับมาได้อีกงั้นเหรอ

หวังเฉิง พี่ฉันไม่เคยปฏิบัติต่อนายอย่างเลวร้าย นายมันไม่รู้จักดีชั่ว

มันปฏิบัติต่อฉันไม่เลว ถ้ามันไม่เห็นแก่หน้าของเสี่ยวจิงไห่และตอนนี้ตาเฒ่านั่นก็ซี้แหงไปแล้ว ถ้ามันดีกับฉันจริงๆทำไมไม่ให้อำนาจฉันจัดการเขตพื้นที่

นายติดตามเซียวหง อยู่ตรงนั้นก็ยังไม่ดีอีกหรือ

ฮา ฮา ฮา ผลประโยชน์เยอะกว่าไง ที่เวิ่นโหรวเซี้ยงนี่ไม่ใช่ว่าเป็นที่มั่นให้ฉันเล่นได้หรอกเหรอ แกก็อยู่เวิ่นโหรวเซี้ยงด้วย ฉันจะดูว่าแกจะหนีไปไหนรอด ... "

ผัวะ!

" แก...กล้าต่อยฉัน "

“......”

“......”




ไป๋จิ่งเรียกพลังจิตของเขากลับ ที่นี่หนวกหูไปหน่อย แค่ฟังไปสักพักเขาก็รู้สึกเหนื่อยนิดๆ เรื่องหลังจากนั้นเขาพอเดาได้บ้าง เซี่ยหมินหังรู้จักเขา และลูกน้องตละคนของเซียวส้าต้องมีครั้งหนึ่งที่เห็นแก่เซียวส้าทำดีกับเขา ดูท่าจะมีเรื่องวุ่นกันใหญ่ตรงนั้น ไป๋จิ่งคิดแล้วออกจากมุมมืด เมื่อหวางเสวี่ยปิงยังไม่ทันกระดิกตัวตอบสนอง ไป๋จิ่งก็มาถึงที่เตะตาคนเสียแล้ว

เขารู้ตัวว่ารูปร่างหน้าตาของตัวเองนั้นงามยวนตา

หวังเฉิงและเซียวหง ใช่มั้ย?


ไป๋จิ่งแย้มยิ้มอย่างนึกสนุก ในเมื่อพวกเขาบังคับให้เซียวส้ากลับมา งั้นเขาก็จะช่วยเซียวส้า

นายน้อยหวางเสวี่ยปิงคอยติดตามไป๋จิ่งอย่างห่อเหี่ยว นัยยะจากสายตาเจ้านายส่งให้เขาต้องกระเด็นไปยืนห่างออกไปสองเมตร ระคายใจด้วยความห่อเหี่ยวที่ขย้ำขยี้ นายน้อยน่ะรู้มือตัวเองดีอยู่แล้ว อย่างนั้นแล้วจะมีบอดี้การ์ดไปทำม้ายย ด้วยจรรยาบรรณแห่งบอดี้การ์ด จะสอดมือยุ่มย่ามไม่ได้เว้นแต่เมื่อมีภยันตราย

ทันทีที่ไป๋จิ่งไปยืนอยู่ตรงนั้น เขาดึงดูดความสนใจผู้คนเป็นอย่างมาก ใบหน้าที่งามประณีตสลักเสลา เหลี่ยมมุมคมชัด แต่ยังงาม ด้วยรูปโฉมหล่อเหลาและแบบบางดูเบาดังไออากาศไม่เหมือนใคร ประหนึ่งแผ่นหยกงามไร้ตำหนิถูกหลอมละลายกลายเป็นบุรุษหยก แม้จะยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบ ๆ เขาก็ยังให้ความรู้สึกของความสง่างามราวเครื่องเคลือบลายคราม ไม่เข้ากันเสียเลยกับสถานที่  แต่นั่นกลับยิ่งดึงดูดความสนใจขึ้นไปอีก




เซียวส้ามุ่นคิ้วย่น มองไปที่หนุ่มน้อยผู้งามสง่าอยู่ในลานกว้าง ทำไมเขาถึงมาที่นี่ได้?

หันเหยี่ยนย่นคอไม่พูดจา ในตอนนั้น เขาแค่เห็นเด็กนี่พยายามจะเข้าข้างใน แต่เขาลืมว่าที่นี่ไม่ใช่อาณาเขตของพี่ชายแล้ว เซียวหงป่วนที่นี่ไปแล้ว แล้วก็มีการเจรจาข้อตกลงลับๆกัน

มุมปากของไป๋จิ่งม้วนโค้ง และรัศมีเจิดจ้างามพร้อมก็ปรากฏ เขาปรายตามองไปรอบ ๆ มองเรื่อยเปื่อยหาเก้าอี้นั่ง ไม่ช้าไม่นานมีบางคนโฉบมาเจ๊าะแจ๊ะกับไป๋จิ่ง พอดีว่าไป๋จิ่งไม่ลังเลว่าเป็นใครเข้าหา ไม่ใส่ใจว่าใครที่เข้ามาแล้วนั้นจะพูดอะไร เขาตบฉาดเข้าให้ด้วยฝ่ามือของเขา

ไม่เพียงแต่คนที่โดนกระทำต้องอึ้ง หวางเสวี่ยปิงอึ้ง ผู้คนรอบตัวเขาก็อึ้ง แม้แต่หันเหยี่ยนและเซียวส้าทีมองจากห้องส่วนตัวก็อึ้ง

หันเหยี่ยนกลืนน้ำลาย เขารู้ว่าเจ้าเด็กนี่อารมณ์ร้าย แต่เขาไม่ได้คิดว่าจะร้ายถึงขนาดนี้

นาย /แก/ แม่/ แตะ/ ฉัน -ชายคนนั้นเดือดขึ้นทันที เขาเป็นคนดังในเมือง N แต่ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาคนที่งามราวกับเทพเซียน ได้ตบหน้าเขาและทำให้เขาต้องขายหน้า

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เสียงเขาหลุดออกมา  ไป๋จิ่งหลังมือฉาดตบหน้าเขา

แก…” ชายผู้นี้ไม่เคยอับอายเท่านี้มาก่อน เขากำลังจะฟาดหมัดออกไป มือแกร่งก็ยั้งเขาไว้ ยกมือขึ้นมาป้องกันมือที่จะฟาดมาที่ใบหน้าอีกครั้ง

ไป๋จิ่งมีโอกาสตบอีกหน

หวางเสวี่ยปิงพูดไม่ออก เขาคงโง่มากถ้าเขายังไม่เข้าใจเสียที นายน้อยแสดงออกมาชัดแจ้งว่ามาหาเรื่อง นี่เป็นอาณาเขตของคนอื่น เขาก็บอกไม่ได้ว่าเหตุการณ์มันจะรุนแรงไปแค่ไหน

ไป๋จิ่งมุ่นคิ้ว เหลือบมองอย่างหยามหยัน ประเด็นหลักคือ ฉันจะตีแกอีก ก็แล้วไง?

โจ้วเจ๋อเฉินคิดว่าเขาเป็นดั่งเหมยหิมะเกล็ดน้ำแข็งใสบอบบาง ที่ต้องแหลกรานยับเยิน แรกเห็นหนุ่มวัยรุ่นคนนี้มันก็ดูโอเค เขากะว่าจะเข้าทาบและตั้งใจจะคุยด้วย แวดวงแบบนี้ก็จะวุ่นวายอยู่หน่อยๆอ่ะนะ ยากจะหาคนมีน้ำใจ สำหรับเขาแล้วเห็นเจ้าหนุ่มวัยรุ่นนี้เขาไม่อยากให้โดนหลอกเลย ใครจะรู้ว่าเขาไปโดนตับแตะปอดเจ้าลาตัวนี้เข้าจากความปรารถนาดีแท้ๆ แสบทรวงจริงโดนตบไปซะหลายดอก และแน่นอนว่าเขาไม่ได้นับครั้งไว้  อูยยยยย




--------------------------


https://thesuniscold.translatednovels.com/projects/back-to-the-apocalypse/chapter-13-creating-a-disturbance
.

.

.


.

No comments:

Post a Comment

ไปเป็นแม่ศรีเรือนในโลกผู้ฝึกปราณ 02 หาที่ตาย

    พวกนี้ใคร? ทำไมต้องมาต่อยตีกันด้วยล่ะ? แล้วพี่รองและพี่น้องคนอื่น ๆ ล่ะ? แล้วนี่มันที่ไหนเนี่ย? หรงอี้เห็นภาพฉากทัศนวิสัยโดยรอบเปลี่ยนจา...