Quick Transmigration System: Male God, Come
Here
ระบบย้อนชีพไวๆควิกๆ : ขั้นเทพก็มาดิเคิ๊บ
ตอนที่ 52
ฮ่องเต้ 8
“ นี่รึคือช่างน่าชัง
อย่าบอกเราว่าเจ้าเพิ่งมางามเอาเมื่อตะกี้นี้??”เฉิงซื่ออวี้นานทีปีหนถึงจะรู้สึกว่าได้หยอกล้อผู้อื่น
ไป่เหว่ยเหว่ยเงียบ
เฉิงซื่ออวี้ยังตามติดความเงียบ หลังจากนั้นพักใหญ่ เขาก็ตรัสว่า“
เจ้าอย่าคิดจริงจัง นั่นก็คืองามจริงๆ”
ไป่เหว่ยเหว่ยเหลือบมองไปที่เขาด้วยขณะที่เริ่มสะท้าน
ผิวของเธอเรื่อแดงในขณะที่เธอโอบรัดแขนเสื้อเธออย่างเริ่มไม่เป็นสุข
เธอดูคล้ายว่าเธอต้องการที่จะตอบว่า 'ไม่งาม' แต่ดวงตาของเธอกวาดไปรอบๆและเธอก็พูดความจริง
“ บ่าวผู้นี้คิดว่ามันสวยงาม เพราะบ่าวผู้นี้เป็นตัวตลกอัปลักษณ์
บ่าวได้ลงแรงพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะเรียนรู้กลวิธีการปรุงโฉมอันเหนือชั้น
ดีที่จะปกปิดผิวหนังที่ไม่น่าดูของบ่าวผู้นี้”
เฉิงซื่ออวี้ทรงตระหนักได้ขณะทรงแย้มสรวล
โลกนี้ที่จริงแล้วก็มีโรคภับแปลก ๆ
ความงามถูกมองว่าน่าชัง และความอัปลักษณ์ถือว่าสวยงาม
และไป่เหว่ยเหว่ยก็ต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคประหลาดโดยตรง
ทันใดนั้นเขาก็มีพระประสงค์อยากรู้อยากเห็นอยู่เล็กน้อย
“ ในสายตาของเจ้าเราน่าชังหรืองาม”
เหว่ยเหว่ยแอบมองที่เฉิงซื่ออวี้
และดวงตาเหล่านี้ดูประณีตและใสบริสุทธิ์ทำจนประกายวามในดวงเนตรของเขาหม่นลง
เธอหันกลับมามองแล้วก้มศีรษะ
แต่นิ้วของเธอเลือดไม่เดินเพราะเธอกำแขนเสื่อแน่นเกินไป แก้มของเธอก็เริ่มเผือดสี
เฉิงซื่ออวี้ทรงเสวยพระสุธารสชาอีกหนึ่งถ้วย
แต่ทรงพบว่าถ้วยชานั้นว่างเปล่าแล้ว พระองค์ทรงไม่เคยรับสั่งเล่นกับสตรี
แต่น่าแปลก มันก็ไม่น่ารำคาญ
ไป่เหว่ยเหว่ย ตอบด้วยความระมัดระวัง:“
ฝ่าพระบาทเป็นผู้กล้า ทรงเป็นบุรุษเหนือมวลบุรุษ
สิริโฉมของพระองค์มิอาจมีสิ่งใดจำกัดขอบเขตแห่งขัตติยะภาวะได้”
เฉิงซื่ออวี้ รับสั่งเบา ๆ ว่า“
พวกเราน่าชังรึ?”
ไป่เหว่ยเหว่ยตอบกระแสรับสั่งนั้นอย่างประหม่าทันที“
บ่าวผู้นี้มิใช่ว่าไม่ชอบ…หลบเลี่ยง
ที่จะได้ชมฝ่าพระบาท ที่ดูน่าชัง”
เฉิงซื่ออวี้
วางถ้วยน้ำชาที่เขาทรงถือไว้ในพระหัตถ์ของเขาสีพระพักตร์ของเขาเกือบจะไม่เป็นทรงแล้ว
นางมิใช่ว่าไม่ชอบมอง ... เขา - ที่น่าชัง?
ไป่เหว่ยเหว่ยเห็นเขาทรงมีพระอาการเช่นนี้
เธอเอ่ยโน้มน้าวใจตะกุกตะกัก “พระองค์ไม่น่าชัง ไม่น่าชัง
หากเพียงโดดเด่นจากฝูงชน…โดดเด่นกว่า มีเอกลักษณ์”
เฉิงซื่ออวี้: "... "
ไป่เหว่ยเหว่ยยังคงพยายามปลอบเขา
เพราะกลัวว่าเขาจะโมโหจนตาย เฉิงซื่ออวี้พลันทรงลุกขึ้นหยิบชาถ้วยหนึ่ง “
นางสนมรักกล่าววาจามากมาย ปากนางคงจะกระหาย ดื่มน้ำชาเถิด”
นี่เป็นการปิดกั้นคำพูดเธอ
โดยใช้ชาอุดปากเธอ
ไป่เหว่ยเหว่ยใจลอยดื่มชา
คิดว่าสุดท้ายเธอน่าจะต้องไปนอนกับบุรุษแปลกหน้าผู้นี้
เธออดไม่ได้ที่จะเคาะเรียกระบบ
"จุ๊จุ๊ ไม่มีสมรรถนะทดแทนหรือ? ฉันจ่ายไหวนะ
สูงสุดนี่จ่ายให้ครึ่งของมูลค่าความรักก็ได้ "ระบบเงียบเหมือนหนู
ไป่เหว่ยเหว่ย:“
มูลค่าแห่งความรักทั้งหมดไหมล่ะ? ฉันจะตายอยู่แล้วนี่
โปรดลองหน่อยสิ และอะลุ้มอล่วยกว่านี้ได้ไหม?”
ระบบ:“ …”
ไป่เหว่ยเหว่ย:“ ระบบ?
สี่สี่? 00? มีใครไหม? ปู่แกสิ!”
เฉิงซื่ออวี้ทอดดวงเนตรเห็นไป่เหว่ยเหว่ยดื่มชา
และทันใดนั้นก็ผลักมือเธอแล้วกดเธอลงบนเตียง
“ สนมรัก ราตรีมืดมิด
และแท่นบรรทมอุ่น ที่นอกหน้าต่างดวงจันทร์ทอแสง อากาศนั้นเหมาะนัก
เหมาะที่จะแนบนิทรา”
สัตว์ร้ายนี้ กำลังคิดขึ้นทับเธอโต้งๆ
พูดจาดังบัณฑิตโอ้โลมเธอ กำลังจะทำอะไร?
เฉิงซื่ออวี้ถอดเสื้อผ้าและดวงตาของเขาลึกล้ำและชวนหวั่นหวาด
เมื่อไป่เหว่ยเหว่ยลุกขึ้นยืน
เธอรู้สึกว่าสภาพเธอไม่ถูกต้อง เธอหัวหมุนและรู้สึกเวียนศีรษะ
ฉับพลันเธอนึกถึงชาถ้วยนั้นขึ้นได้
เมื่อไป่เหว่ยเหว่ยเริ่มสติเลอะเลือน
ผิวของเธอก็เริ่มเรื่อขึ้นและเฉิงซื่ออวี้ที่กึ่งเปลือยก็ทรงก้าวพระบาทลงจากเตียง
หลังจากรอเพียงครู่
ไป่เหว่ยเหว่ยเริ่มครางครวญดังคาด
อาภรณ์บนกายนางผู้นั้นยับยุ่ง
ความร้อนในเรือนกายทำให้เหงื่อซึม ผ้าป่านมัสลินที่นางสวมใส่โชกเหงื่ออย่างรวดเร็ว
ร่างหยกอันงามเลิศของนางอยู่ใต้แสงประทีป
เปี่ยมมนต์เสน่ห์หนึ่งอันอ่อนโยนและล่อลวงอย่างเย้ายวน
เฉิงซื่ออวี้ทรงรู้สึกราวกับอุระและเบื้องพระนาภีของเขากำลังถูกเพลิง
ผลาญและพระองค์ทรงแทบมิอาจข่มกลั้นได้ต่อไปแล้ว
“ ฝ่าพระบาท?”ไป่เหว่ยเหว่ยมองเขาอย่างไร้หนทาง ดวงตาของเธอเริ่มเลื่อนลอย
เฉิงซื่ออวี้ทรงย่างพระบาทไปข้างหน้าสองก้าว
แต่หันกลับมาในพริบตานั้น สีพระพักตร์หมองและหวั่นหวาด หัตถ์ของพระองค์ทรงจับกระบี่เมื่อครู่ก่อนนั้น
และทรงดึงคว้ากระบี่ออกมา
น้องโดนด่าโง่หลายรอบมาก555
ReplyDelete