Monday, November 11, 2019

ตอนที่ 56 ฮ่องเต้ 13 - ฮ่องเต้ 14


Quick Transmigration System: Male God, Come Here

ระบบย้อนชีพไวๆควิกๆ : ขั้นเทพก็มาดิเคิ๊บ

ตอนที่ 56 ฮ่องเต้ 13 - ฮ่องเต้ 14
ฮ่องเต้ 13




ฮ่องเต้กับสนมจะมีชีวิตแต่งงานเหมือนของคู่สามัญชนทั่วไปได้อย่างไร

คิดมั่งว่ามันขัดแย้งกับขนบประเพณีสังคมอย่างไร

นั่นคือสิ่งที่เฉิงซื่ออวี้ทรงใคร่รับสั่ง แต่เมื่อทอดพระเนตรมองไปที่ดวงตาที่อ่อนโยนและน่ารักของไป่เหว่ยเหว่ย ทรงอดไม่ไหวอยากโบกนางสับป๊าบ

เมื่อพระองค์ทรงหยิบถ้วยชาเสวยขึ้นมา พระกรก็ไหวอยู่นิดๆ

ตอนทรงสังหารคนในครั้งแรก พระหัตถ์ของพระองค์ไม่สั่น แต่ด้วยความประหลาดใจในองค์เอง  ในวันนี้ภายใต้สายตาของไป่เหว่ยเหว่ยเปี่ยมไปด้วยความชื่นชมทรงไม่อาจถือถ้วยชาเสวยได้มั่น

ไป่เหว่ยเหว่ยดื่มอย่างน่ารักน่าชม และเริ่มรู้สึกเวียนศีรษะ

เฉิงซื่ออวี้ทรงกระซิบ“ สนมรัก เจ้าควรพักผ่อน”

ไป่เหว่ยเหว่ยพยักหน้าอย่างขวยเขิน แก้มแดงปลั่ง หัวสมองความคิด เริ่มที่จะไม่แจ่มชัด

คราวนี้เธอระวังตัว รู้ว่าเธอจะกลายเป็นคนไร้เหตุผลเมื่อยาออกฤทธิ์ ขาเธอจะเปลี้ย แต่ก็ยังพอขยับตัวได้อยู่บ้าง

ก่อนที่เธอจะสิ้นสัมปชัญญะ พลันเธอก็เอื้อมมือคว้าและอาจเอื้อมไปกอดเฉิงซื่ออวี้ไว้



เรียวแขนดุจหยกนั้นนุ่มนิ่มไร้กระดูก ทำให้เฉิงซื่ออวี้ทรงชะงักงัน ไม่สามารถหาวิธีหลบเร้นตัวเองได้โดยสิ้นเชิง

ทรงทอดพระเนตรมองดูกระบี่ที่แขวนอยู่บนผนังอย่างกระวนกระวาย ใคร่จะกุมมันเพื่อที่จะต้านสิ่งนุ่มนิ่มในอ้อมพระพาหานั้น

แต่ในขณะถัดมา ไป่เหว่ยเหว่ยลูบคลำอ้อมพระอุระกว้างแกร่งของพระองค์ ราวลูกแมวน้อยกำลังถูไถพระองค์อยู่ เฉิงซื่ออวี้ทรงหายใจหนักหน่วง

ไม่มีสตรีแม้สักนางจากวังหลังอันแน่นขนัดของพระองค์ จะสามารถเข้าแนบชิดพระองค์ได้

ทรงใช้ชาเพื่อจัดการกับสนมของฮ่องเต้ ไม่ว่ายามใดที่ทรงพลิกป้ายของพวกนาง

แม้กับเฉินเฟยผู้รับมือได้ยากยิ่ง พระองค์ทรงเตรียมชาหอมที่ส่งผลให้มีภาพหลอนเป็นเท่าทวีให้ผลแรงพอจะจัดการนาง

ทรงเติบโตมาในค่ายกองทัพ ทรงไม่อาจออกจากค่ายได้ และกองทัพก็มีแต่บุรุษทั้งนั้น ทรงมิเคยมีปฏิสัมพันธ์ที่แท้จริงกับสตรี

ในปีนั้นพระองค์ทรงนำทัพเพื่อเป็นกองหนุนในเวลาฉับพลัน และยังเป็นการช่วยท่านแม่ของพระองค์

หากก็สายเกินไป.

ท่านแม่ของพระองค์ นางกำนัลวังหลวงถูกองค์ฮ่องเต้ทรงถือว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และต้องทนรับการหยามหมิ่นทุกรูปแบบจากผู้คนในวังหลวง จนเมื่อองค์รัชทายาททรงบีบให้ฮ่องเต้สละราชบัลลังก์

ฮองเฮาในเวลานั้นซึ่งเป็นตอนนี้กลายเป็นไทเฮา จับนางไปคุมขังไว้ นางหมู!

นางหมูตัวนั้น…มันตัดแขนขานางออก ควักดวงตาทั้งสองข้าง ฉีกใบหูออก แล้วตัดลิ้นนางออกแล้วเอาวางไว้บนจมูกของนางเอง

เมื่อทรงเสด็จถึง ก็ทอดพระเนตรเห็นท่านแม่ที่แทบไม่เหลือชีวิตอยู่แล้ว ต้องตายจากการทรมานเยี่ยงนั้น

หากการเคลื่อนไหวของพระองค์ไม่ถูกขวางจากสี่ตระกูลใหญ่ละก็ จะทรงสับสตรีต่ำช้าที่สังหารมารดาของพระองค์ออกเป็นชิ้น ๆ

ในยามนั้น พระองค์ทรงปฏิญาณในใจ ไทเฮา สี่ตระกูลใหญ่ พระองค์จะทรงลบล้างพวกมันทั้งหมดไม่มีเหลือ



และสตรีในวังหลัง ย้ำเตือนพระองค์ว่า อย่างไรบ้างที่ทรงเคยถูกรังแกและหยามน้ำหน้าโดยสนมวังหลังครั้งยังทรงพระเยาว์ ใจอสรพิษของสนมหลวงเหล่านี้ ทรงแจ่มแจ้งชัดเจน

ยามที่ทรงแตะต้องพวกนาง ทรงจับมือพวกนางไว้มิเคยรับรู้ความนุ่มนวล ทรงถูกย้ำเตือนให้รำลึกถึงเรือนกายที่เปื่อยเน่าของท่านแม่ และรู้สึกไม่สบายหนักจนจนเสวยไม่ได้ไปสามวัน

หากซูเต๋อหัวหน้าขันทีไม่ได้ค้นหาจนพบยาภาพหลอนแปลกประหลาดนั้น ก็ไม่ทราบว่าองค์เองจะทรงทานทนกับนางอสรพิษและนางแมงป่องพวกนี้ได้อย่างไร

และไป่เหว่ยเหว่ยอาจเป็นสตรีนางแรกที่ทรงเคยพบ ที่ไม่ได้ทำให้พระองค์รังเกียจ

วรกายเฉิงซื่ออวี้นั้นแข็งขึงเกร็งจนคล้ายก้อนหินแล้ว  เห็นอยู่ชัดๆว่าทรงควรจะผลักไสไป่เหว่ยเหว่ยที่แสนเปะปะเลื่อนเปื้อน แต่วรกายของพระองค์ไม่เชื่อฟังคำสั่งจากสมอง และพระองค์เองไม่ยอมลุกขึ้น

เรือนร่างอันอ่อนนุ่มเหมือนน้ำอุ่น แล้วระอุขึ้นอีกเมื่อต้องเปลวไฟ

นิ้วละเอียดอ่อนนั้นนุ่มนวลราวกับกิ่งหลิว ล่วงล้ำอาภรณ์ของพระองค์อย่างไม่มุ่งร้าย จุดไฟในทุกจุดที่สัมผัส ด้วยเปลวไฟที่เร่าร้อนอย่างที่ทรงไม่เคยพบพาน

ทรงแทบจะหายใจไม่ออกแล้ว และทุกห้วงลมหายใจของพระองค์รวยรินกลิ่นไอจากกายนาง ต่างจากกลิ่นน้ำหอมพวกนั้น

“ ฝ่าบาท สนมผู้นี้อึดอัด…” ไป่เหว่ยเหว่ยกอดพระองค์และไล้วรกายอยู่เบา ๆ ขณะที่เว้าวอนด้วยเสียงอ่อนอ้อนชวนสงสาร



+++++++++++++++++++++

ฮ่องเต้ 14




พระองค์ก็ทรงอึดอัด.....อึดอัดยิ่งนักจนทานทนมิได้!

เฉิงซื่ออวี้ฉับพลันทรงประคองเรียวหน้าของนาง
ไป่เหว่ยเหว่ยกระซิบแผ่วสองสามคำ หากทว่าทรงประทับกลืนกินทุกลมหายใจทั้งหมดของนางเสียแล้ว
ทรงสงสัยใคร่รู้อยู่สักหน่อย และระแวดระวังในชั้นแรก

ไป่เหว่ยเหว่ยรู้สึกว่าหายใจนั้นยากลำบาก และพยายามหลบเลี่ยง เลยส่งผลถึงความเกรี้ยวกราดของเฉิงซื่ออวี้ที่จะออกมา

ติ๊ง ความชื่นชอบของตัวละครนำชายตอนนี้อยู่ที่ 30

สายตาไป่เหว่ยเหว่ยเปะปะและสับสน เธอไม่ได้ยินเสียงการแจ้งเตือนของระบบ เธอได้แต่ปล่อยให้เขาทำตามใจปรารถนา

เธอรู้สึกว่าเธอกำลังล่องลอยตัว เมื่อเธอนึกได้ว่าเธอสามารถหายใจทางจมูกได้ คอของเธอก็อ่อนระทวยและดวงตาของเธอไม่อาจควบคุมได้ลดหรี่ลงมา

และยามเวลาที่เฉิงซื่ออวี้ทรงตระหนักว่ามีเรื่องไม่ถูกต้อง ไป่เหว่ยเหว่ยก็หมดสติลงแล้ว

ทรงตกพระทัย และกระแสไข้รุมร้อนจึงเย็นลง

ทรงโอบอุ้มสตรีที่นุ่มนิ่มและขดอยู่บนอ้อมอุระของพระองค์ และไม่อาจสงบระงับลมหายใจได้

เฉิงซื่ออวี้ทรงเอื้อมหัตถ์ไปจับชีพจรที่ต้นคอนาง  รู้ว่ามันเป็นฤทธิ์ยาบางส่วนอีกทั้งทรงมัวเมาไป ชั่วขณะนั้น สภาพนางไม่อาจใคร่ครวญยับยั้งใจ นางจึงกลั้นลมหายใจก่อนจะเป็นลมไป

แม้ทรงทราบว่าไม่มีปัญหา

กระนั้นเฉิงซื่ออวี้ยังทรงมิสามารถควบคุมความร้อนรน ตรัสเรียกซูเต๋อกั๋วเข้ามาแล้วให้เขาตามหมอหลวง

ซูเต๋อกั๋วมองเห็นไป่เจาหยี ผู้ซึ่งถูกห่อแน่นไว้ในผ้าห่มจนเป็นก้อน สีหน้าเขาไม่แปรเปลี่ยน หากรอยยับบนหน้าชรานั้นคลี่คลายลง

คนผู้นี้มิใช่ว่าถูกห่อด้วยผ้าห่มแน่นเกินไปหรอกรึ? อย่างนั้นก็คงหาช่องหายใจไม่ได้ ก็เลยเป็นลม



หลังจากหมอหลวงเข้ามา ก็ต้องมีม่านกั้น แล้วก็จับชีพจรผ่านด้ายแดง

แน่นอนว่ามันไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่เป็นเพียงชั่วครู่ของการเป็นลม หลับไปแวบเดียวเธอก็จะตื่น

เฉิงซื่ออวี้ทรงมิรู้สึกอะไร แต่ซูเต๋อกั้วที่อยู่ข้างๆ เห็นทุกอย่างได้ชัด

เจ้านายของเขาทรงพ้นจากสภาพอันโหดร้ายด้วยมือเปล่า

ในยามที่ทรงเยาว์วัย สิ่งดีใดไม่เคยได้รับ
แต่ครั้นยามได้รับมาแล้ว ก็กลายเป็นหวงแหนของรัก เกรงว่าผู้อื่นจะหยิบฉวยสิ่งนั้นไปจากพระองค์ ดังนั้นย่อมทรงทอดตามองผู้อื่นตกตายและตาย แม้แต่ปลายผมพระองค์ยังทรงไม่แยแสจะปรายตามองผู้อื่น

ซูเต๋อกั้วใจหวิว แม้เขารู้ว่าเฉิงซื่ออวี้นั้นปรกติทรงมีเหตุผลและไม่แยแส

แต่ไป่เจาหยีนี้ ดีไม่ดีอาจกลายเป็นเจ้านายพิเศษ

ไป่เหว่ยเหว่ยโดดขึ้นไปเป็นเจาหยีชั่วข้ามคืน และแม้แต่ร่วมแท่นพระบรรทมมาสองคืนติดต่อกัน แล้วยังมีเรื่องที่ฮ่องเต้รับสั่งตามหมอหลวงในยามราตรี และก่อกวนกระแสคลื่นนับพันในวังหลัง




แวบแรก จอกชาในมือนางลดวางลงกับโต๊ะ เย็นลง เย็นลง “ มันก็แค่นางจิ้งจอก เข้าใจได้ว่าฝ่าบาททรงลุ่มหลงไปคราวหนึ่ง”

นางไม่คาดคิดเลยว่า การโยนไป่เหว่ยเหว่ยลงน้ำในวันเกิดของนางคือความผิดพลาดใหญ่หลวง

นางรู้ว่าโฉมหน้าของไป่เหว่ยเหว่ยนั้นสวยงามยิ่งนัก

ไม่ควรเลยที่ให้นางได้เจอกับฮ่องเต้

นางน่าจะโดนทำลายย่อยยับก่อนที่จะได้เผยโฉม

ดวงตาของเฉินเฟยเปี่ยมแววประสงค์ร้าย นางกล่าวอย่างเย็นชา“ เอาเรื่องนี้ไปแจ้งกับบิดาข้า บิดาข้ารักข้านัก เมื่อท่านทราบเรื่อง ไป่เหว่ยเหว่ยจะยังอยู่ดีมีสุขต่อได้”


– – – – – – – – – –


จนเมื่อไป่เหว่ยเหว่ยที่งวยงงอีกครั้งได้เปลี่ยนที่อยู่อาศัยใหม่ เธอก็ตระหนักว่าเธอกลายเป็นศูนย์กลางของการนินทา

เฉิงซื่ออวี้ทรงให้เธอออกจากตำหนักฉิงหย่วน แล้วทันใดก็ย้ายเธอไปอยู่ในตำหนักที่ใหญ่กว่าและดีกว่า พร้อมด้วยป่าท้อผืนใหญ่

ระบบขี้เม้าท์พูดอย่างตื่นเต้น “รู้มั้ย? ในวังหลังตั้งแต่ทีแรกนะ  เฉิงซื่ออวี้น่ะเจอลือว่านายคนนี้ทำได้ 18 ครั้งต่อคืน ได้ตายสมใจแล้วนะที่เธอเคยบ่นอยากตายน่ะ”

No comments:

Post a Comment

ไปเป็นแม่ศรีเรือนในโลกผู้ฝึกปราณ 02 หาที่ตาย

    พวกนี้ใคร? ทำไมต้องมาต่อยตีกันด้วยล่ะ? แล้วพี่รองและพี่น้องคนอื่น ๆ ล่ะ? แล้วนี่มันที่ไหนเนี่ย? หรงอี้เห็นภาพฉากทัศนวิสัยโดยรอบเปลี่ยนจา...