Quick Transmigration System: Male God, Come Here
ระบบย้อนชีพไวๆควิกๆ : ขั้นเทพก็มาดิเคิ๊บ
ตอนที่ 60 ฮ่องเต้ 18
โลกนี้ มีอะไรที่พระองค์จ่ายให้ได้บ้างหรือ
ไป่เหว่ยเหว่ยพลันมองไปรอบ ๆ
พบว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ ๆ
ขยับไปสองสามก้าวนางก็รีบเข้าไปอยู่เบื้องหน้าเฉิงซื่ออวี้และเอื้อมมือปลดหน้ากากของพระองค์ออกมา
เผยโฉมพระพักตร์ทรงโฉมงามสง่าเฉยชาด้านใน
จากนั้นเธอก็ดึงหน้ากากของตัวเองออก
เขย่งปลายนิ้วเท้าแล้วจุมพิตบางเบาเข้าที่ปรางของพระองค์
เฉิงซื่ออวี้ทรงรับมือไม่ทัน
จึงถอยพระบาทกลับไปก้าวสองก้าว
ไป่เหว่ยเหว่ยสวมหน้ากากของเธอแล้ว
น้ำเสียงมีรอยยิ้มว่า“ ตระกูลไหนหนอที่หน่อเนื้อชายงามคล้ายหยก ปล่อยภริยาผู้น้อยพลิกกายกระสับกระส่ายไปมา
ยามตื่นยามนิทราได้แต่พร่ำวอน”
ความรักในคำกล่าวนี้มีความจริงจังและจริงใจ
เฉิงซื่ออวี้ทรงรู้สึกเพียงว่าดวงหทัยของพระองค์เต้นระส่ำ
อารมณ์เร่าร้อนที่เย็นชาหลังผละจากสมรภูมิก็กลับผุดพราย
ทรงใคร่อยากตรัสบางคำ แต่ชิวหาแห้งผาก ล้วนติดอยู่ที่พระศอ
เข็ดขื่นและทานทนไม่ไหว
ไป่เหว่ยเหว่ยหันมามองที่แสงไฟลอยอยู่บนโคม
และลมก็พัดผ่าน พาให้อาภรณ์ของเธอปลิวขึ้น เสียงของเธอหวานและจริงจัง“
สนมผู้นี้ปรารถนาสามอย่างในชีวิตนาง หนึ่ง
ปรารถนาให้อาณาจักรนี้มั่นคงรุ่งเรืองชั่วกาล ไร้อนารยชนรุกล้ำ และตระกูลทั้งสี่ร่วมเฉลิมฉลอง
ใต้ฝ่าพระบาทปลอดภัยไร้กังวล ทุกความสำเร็จที่เป็นไปได้และอายุยืนในชีวิตที่ยืนยาว
ทุกสิ่งสำเร็จดังพระประสงค์ พระชนมายุยืนนาน”
เฉิงซื่ออวี้คิดว่า
ไป่เหว่ยเหว่ยเป็นสตรีที่โง่และดาษดื่นมาก
เป็นผลให้คำพูดของนาง
กระแทกเปิดเอาดวงหทัยของพระองค์ออกมา
ที่รวดร้าวอยู่ในดวงหทัยพระองค์
มิใช่เพราะทรงปกป้องส่วนเสี้ยวของแผ่นดินนี้มิได้
ทรงไม่คาดคิดว่านางจะเข้าใจพระองค์
และคำขอพรนั้นก็เพื่อพระองค์
เฉิงซื่ออวี้
แทบรับสั่งไม่ออกเมื่อตรัสถามนางถึงพรข้อที่สาม
เป็นครั้งแรก
ที่ทรงรู้สึกว่าพระองค์อาจมิสามารถให้ได้ในสิ่งที่นางประสงค์
กระนั้นไป่เหว่ยเหว่ยไม่ต้องการให้ทรงเป็นกังวล
เธอเอ่ยเบา ๆ “ พรที่สามนี้คืออะไร ข้ากลัวว่าข้าจะขอมากเกินไป
อย่างนั้นเทพเจ้าจะไม่ฟัง ข้าเลยไม่พูดออกมา”
【 ติ๊ง
ความชื่นชอบของตัวละครนำชายคือ 40 … 45.
ไป่เหว่ยเหว่ย
รู้สึกว่าค่าความชื่นชอบที่ได้รับในครั้งนี้ ค่อยดูเหมือนที่ผู้ชายเขาเป็นกันหน่อย
เฉิงซื่ออวี้ทรงเงียบไปสองสามวินาทีก่อนที่จะรับสั่งว่า“
มานี่สิ”
ไป่เหว่ยเหว่ยไม่เข้าใจ แต่ก็ยังไปหาพระองค์
เฉิงซื่ออวี้ทรงย่อตัวลง “ ไต่ขึ้นบนหลังข้า”
ไป่เหว่ยเหว่ยประหลาดใจนิดๆ
และตอบกลับอย่างลำบาก“ นี่ไม่เหมาะสม”
เฉิงซื่ออวี้พูดอย่างเยือกเย็น“
มีแต่เด็กๆรึที่ถุงน้ำดีใหญ่ (ผู้แปล-ถุงน้ำดี กล้าหาญ –
ปรกติเด็กเล่นขี่หลังแปลว่าเด็กกล้าหาญ) ข้าไม่เห็นว่ามันไม่เหมาะสมตรงไหน
นี่พระราชประสงค์อันศักดิ์สิทธิ์แท้ๆ ”
ไป่เหว่ยเหว่ยหลุดหัวเราะขำและพูดว่า“ ทราบแล้ว
รับสนองพระราชประสงค์”
หลังจากเฉิงซื่ออวี้ทรงแบก
ทรงออกแรงสะกิดอุ้งพระบาทเพียงครั้ง พุ่งแหวกอากาศโลดแล่นต่อเนื่องข้ามชายคาเรือน
ไป่เหว่ยเหว่ยตะลึงลาน
คนเราเหาะจริงๆได้ด้วยเหรอ?
เธอบอกกับระบบอย่างตื่นเต้นว่า“ ฉันกำลังบิน
ฉันกำลังบินขึ้นสูงแล้ว!”
ระบบตอบกลับอย่างเหยียดหยาม“ โคตรบ้านนอก”
เฉิงซื่ออวี้ทรงแสนดี
ทรงแบกไป่เหว่ยเหว่ยขึ้นไปบนหลังคาสูงสุด
แทบเท้านั้น
แสงไฟส่องประกายและลำสายทองก็ไหลหลั่ง ผู้คนมาแล้วก็ไป
และเห็นได้ความเจริญรุ่งเรืองของโลกที่เจริญรุ่งเรืองนี้
ทรงรู้สึกถึงความนุ่มนวลของสตรีที่อยู่บนหลังพระองค์
หากไม่มีความคิดต่ำช้า มีเพียงความรู้สึกอันล้นพ้น
ไป่เหว่ยเหว่ยมองดูทุกสิ่งทุกอย่างใต้เท้าของเธอและอดไม่ได้ที่จะชื่นชม“
สวยงามมาก”
เฉิงซื่ออวี้ทรงอดไม่ได้ที่จะเผยรอยแย้มสรวลอันจริงใจ
พระพักตร์เยือกเย็นนั้นมีแววดูอ่อนโยน
ดังที่ไป่เหว่ยเหว่ยชื่นชมพระองค์ ทรงยังมีร่องรอยเด็กน้อยอยู่ในดวงเนตรของพระองค์
“ นี่คือแผ่นดินของเรา(ผู้แปล-เจิ้น-คำที่ฮ๋องเต้ใช้เรียกตัวเอง)ดังพรที่เจ้าร้องขอ
เมืองนี้เจริญรุ่งเรือง”
สตรีที่ข้างหลังไม่ตอบ
แต่ทันใดนั้นเฉิงซื่ออวี้ก็ทรงรู้สึกต่อองค์เองว่า
เศียรของพระองค์ตรงที่เรือนเกศานั้นมีรอยจูบประทับลงบางเบา
เมื่อทรงย้อนรำลึกเวลาในช่วงเยาว์วัยของพระองค์
ลำบากยากแค้น แต่มีเวลาที่ท่านแม่ได้อยู่ด้วยกันกับพระองค์
“อวี้เอ๋อร์
แม้นมีสักคนในโลกนี้ตั้งใจที่จะจุมพิตศีรษะเจ้าและลูบไล้เรือนผมเจ้า
เช่นนั้นคนผู้นี้คือผู้เดียวในโลกนี้ ผู้ถนอมเจ้าที่สุด ผู้ที่รักเจ้ามากที่สุด”
No comments:
Post a Comment