ตอนที่ 81 ฮ่องเต้ 40

Quick Transmigration System: Male God, Come Here

ระบบย้อนชีพไวๆควิกๆ : ขั้นเทพก็มาดิเคิ๊บ

ตอนที่ 81 ฮ่องเต้ 40

ซูเต๋อกั๋วยืนอยู่ด้วยอาการเคารพ ณ เบื้องพระพักตร์เฉิงซื่ออวี้ และเมื่อมองจากที่ไกลก็ดูราวเฉิงซื่ออวี้ประทับตรงเยือกเย็นและมั่นคง สีพระพักตร์ไม่มีร่องรอยใด

และไป่เหว่ยเหว่ยก็ยืนอยู่ ณ ที่เบื้องล่าง  ยานั้นวางยาโดยซูเต๋อกั๋ว ส่วนแผนนั้นเธอเองเป็นผู้วางแผน

ทำให้เฉิงซื่ออวี้ทรงเป็นอัมพาตโดยใช้ยา จากนั้นอาศัยพระอำนาจของพระองค์ ทำการบีบคั้นเธอ แล้วเรื่องนี้ก็จะจบลง

ไม่ว่าในกรณีใด  ตระกูลอิทธิพลทั้งสี่ก็ล้วนถูกโค่นล้มไปแล้วโดยเฉิงซื่ออวี้

จึงไร้เหตุผลให้ผู้ใดก่อกบฏ และเสนาบดีจำจะต้องก้าวออกมารับรู้เรื่องราวบ้าง

เฉิงซื่ออวี้จะทรงยังคงเป็นมหาราช

และเธอจะสามารถย้อนกลับไปได้  แฮปปี้เอนดิ้ง

แม้ว่าเธอจะเตรียมใจมามากมาย แต่เมื่อเธอเห็นเพชฌฆาตเบื้องบน เธอก็อดที่จะรู้สึกกลัวไม่ได้

“ นั่น  ระบบ  ไม่เจ็บจริงๆใช่ไหม”

ระบบ:“ ไม่เจ็บ  ฉันจะช่วยใส่ระบบปิดกั้นความเจ็บปวดทั้งหมดไว้ระยะหนึ่ง และคุณก็ไม่ต้องชำระค่าใช้จ่าย เนื่องจากฉันให้บริการฟรี”

ไป่เหว่ยเหว่ย“ คุณเก่งมาก”

ระบบ:“ ฉันรู้สึกเบื่อหน่ายกับคุณในโลกนี้แล้วที่ทำตัวเหมือนนางปีศาจ แต่ละวันฉันต้องทนกับไอ้หน้าสวยๆของคุณแล้วก็รำพันเวทนาตัวเอง ฉันกลัวอยู่ว่าฉันจะมีปัญหาสุขภาพจิตไปอีกนาน เพราะงั้นคุณน่ะ รีบๆให้มันแล้วๆไป ได้ไหม เราจะไปต่อกันได้ยัง "

ช่างทำลายจินตนาการอันสวยงามถึงความรัก มโนภาพแฟนฉันกลายเป็นแบล็คแฟน(ผู้แปล ประมาณแอนตี้แฟน)

ไป่เหว่ยเหว่ย: "... "

เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เตะรองเท้าไว้ใต้ฝ่าเท้าเธอแล้วให้คนข้าง ๆ เธอมัดเชือกรอบตัวเธอแล้วยีผมเธอให้ยุ่ง

เมื่อรูปร่างหน้าตาของเธออนาถมากพอแล้ว เธอก็เดินโซซัดโซเซขณะที่เธอโดนผลักให้ขึ้นไปด้านบนสุดของกำแพง จากนั้นเธอจึงเข้าไปพบเฉิงซื่ออวี้

เฉิงซื่ออวี้ทอดพระเนตรเห็นเธอเช่นนี้ และดวงเนตรของพระองค์เรื่อสีแดงขึ้นทันที ทรงเพ่งมองเธอด้วยทรงกริ้ว พยายามอย่างไร้หวังที่จะเคลื่อนไหว แต่ทรงไม่อาจขยับได้เลย

ซูเต๋อกั๋วถือพระราชโองการปลอมไว้ ในขณะที่เขาตวาดแถลงให้ไป่เหว่ยเหว่ยผู้คุกเข่า “ ชายา ไป่ซื่อ(ผู้แปล ไปซื่อ แซ่ไป่ คำเรียกของภรรยาเพราะแต่งงานไม่เปลี่ยนแซ่) หัวใจนางเป็นพิษ ทำการชักจูงใจเราให้สับสน ทำให้วังหลังวุ่นวายด้วยแผนชั่วประหารเฉินเฟยอย่างไร้เที่ยงธรรม การปลอมพระราชโองการเพื่อกำจัดตระกูลใหญ่ทั้งสี่ ได้แก่ ซู เฉิน อู๋ และเหลียง”

มีการประกาศถึงอาชญากรรมจำนวนมาก ล้วนปาวๆเปล่าไม่มีความหมาย ที่สำคัญอยู่ที่ว่า ไป่เหว่ยเหว่ยสังหารตระกูลมีอิทธิพลทั้งสี่

เฉิงซื่ออวี้ทรงไม่เข้าใจว่าเหตุใดไป่เหว่ยเหว่ยจึงวางยาพระองค์ ทรงใจลอยวูบเมื่อได้ยินคำเรียกขานนางเป็นนางปีศาจ

เหตุผลนี้เป็นเรื่องไร้สาระ f * cking!

แต่เหตุผลเดียวนี้มากเกินพอ

หลังจากที่ซูเต๋อกั๋วอ่านเสร็จ เขาก็มือสั่น มองไปที่ไป่เหว่ยเหว่ยลึกซึ้ง และในที่สุดก็พูดด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้น “บาปของนางไป่นี้ ชั่วช้าจนถึงที่สุด ตกตาย”

เฉิงซื่ออวี้ทรงกำลังดิ้นรนสุดแรง ครั้นเมื่อพระองค์สดับยิน 'ตกตาย' ก็ทรงหมดสติจะรับรู้แล้ว

ไป่เหว่ยเหว่ยยิ้มให้พระองค์และกระซิบว่า "ฝ่าพระบาท สนมผู้นี้มีปรารถนาสามอย่างในชีวิต หนึ่งคือเพื่ออาณาจักรนี้มั่นคงรุ่งเรืองชั่วกาล ไร้อนารยชนรุกล้ำ และตระกูลทั้งสี่ร่วมเฉลิมฉลอง ความปรารถนาที่สองคือ ขอให้ใต้ฝ่าพระบาทปลอดภัยไร้กังวล ได้ทุกความสำเร็จที่เป็นไปได้และอายุยืนในชีวิตที่ยืนยาว ทุกสิ่งสำเร็จดังพระประสงค์ พระชนมายุยืนนาน ความปรารถนาที่สามคือ กุมมือเด็กน้อย เยาว์วัยเคียงชรา รอผมขาวเถ้าเมื่อถึงครา เจ้าข้าอยู่เคียงกัน”

ประโยคนี้ทะลุหัวใจพระองค์โดยตรง ประดุจลูกศรนับพัน

【 ติ๊ง ความนิยมของตัวละครนำชายเพิ่มขึ้นเป็น 100 】

ไป่เหว่ยเหว่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นเธอก็เห็นศีรษะตัวเองกระเด็นลอยไป หากแต่ก็ไม่รู้สึกเจ็บปวด

เฉิงซื่ออวี้ทรงมิทราบว่าพระองค์ประทับอยู่นานเท่าไรแล้ว ฤทธิ์ยานั้นหมดไปแล้ว แต่ทรงไม่ขยับพระวรกาย ยังคงประทับอยู่ในท่าเดิมของพระองค์

เสนาบดีครั้นได้รับคำตอบกลับอันน่าพอใจ และกองกำลังกบฏนอกเมืองไม่มีเหตุผลที่จะต้องกบฏ ก็ได้แต่จากไป

ทุกสิ่งล้วนเป็นธุลี

มีเพียงเฉิงซื่ออวี้เท่านั้นที่ยังคงประทับอยู่บนบัลลังก์มังกร เลือดทาแผ่นดิน พร้อมซากร่างของไป่เหว่ยเหว่ย

ซูเต๋อกั๋วคุกเข่าลงแล้วศีรษะของเขาโขกกับพื้น “ นี่เป็นความคิดของสนม ทาสเฒ่าผู้นี้ก็เห็นพ้อง ทาสเฒ่านี้รู้ว่าปวงบาปทั้งมวลนั้นอภัยให้มิได้ แต่มันไม่เสียใจเลย”

เช่นเดียวกับไป่เหว่ยเหว่ย เขารู้ว่าเฉิงซื่ออวี้เป็นฮ่องเต้ มหาราชที่หาได้ยากยิ่ง

ด้วยเหตุนี้ ไป่เหว่ยเหว่ยจึงพร้อมทำลายตัวเองและปกป้องพระองค์

เฉิงซื่ออวี้ไม่ได้รับสั่งอะไรเลย แต่ทอดพระเนตรจ้องมองไปเบื้องพระพักตร์ ดังคนโง่เง่า แต่ทันใดนั้นก็ทรงลุกขึ้นยืนแล้วตรัสว่า “เรากับเหว่ยเหว่ยจะต้องแต่งงานวันนี้ ต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว”

ซูเต๋อกั๋วหลั่งน้ำตา “ ฝ่าบาท นางจากไปแล้ว”